พระเจ้าอยู่ข้างฉัน! ‘อิมาน เคลิฟ’ลั่นพร้อมสู้ถึงเหรียญทอง ขอบคุณ ‘โอไอซี’ให้โอกาสแม้ถูก‘ไอบา’แบน’

วันที่ 5 สิงหาคม 2567 สำนักข่าว CBS News สหรัฐอเมริกา รายงานข่าว Olympic boxer Imane Khelif says hateful scrutiny "can destroy people" after backlash over gender misconceptions ระบุว่า อิมาน เคลิฟ (Imane Khelif) นักมวยชาวแอลจีเรีย ซึ่งลงแข่งมวยสากลสมัครเล่นประเภทหญิง ในรายการโอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีสของฝรั่งเศส ได้กล่าวว่า กระแสความเกลียดชังที่ตนกำลังเผชิญจากความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสถานะเพศกำเนิด เป็นอันตรายต่อศักดิ์ศรีของมนุษย์ และเรียกร้องให้ยุติการกลั่นแกล้งนักกีฬา หลังจากได้รับผลกระทบอย่างมากจากการตอบโต้จากนานาชาติ

“ฉันส่งข้อความถึงคนทั่วโลกให้ยึดมั่นในหลักการโอลิมปิกและกฎบัตรโอลิมปิก งดการกลั่นแกล้งนักกีฬาทุกคน เพราะสิ่งนี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรง มันสามารถทำลายผู้คนได้ มันสามารถฆ่าความคิด จิตวิญญาณ และจิตใจของผู้คนได้ มันสามารถแบ่งแยกผู้คนได้ และเพราะเหตุนี้ ฉันจึงขอให้พวกเขางดการกลั่นแกล้ง” เคลิฟ ให้สัมภาษณ์เป็นภาษาอาหรับ กับสำนักข่าว SNTV

เคลิฟ ในวัย 25 ปี กล่าวต่อไปว่า ตนยอมรับถึงความกดดันและเจ็บปวดจากการต้องทนทุกข์ทรมานกับเหตุการณ์นี้ ในขณะที่แข่งขันที่ห่างไกลจากบ้านในรายการที่สำคัญที่สุดในอาชีพนักกีฬา ซึ่งตนติดต่อกับครอบครัว 2 วันต่อสัปดาห์ และหวังว่าพวกเขาจะไม่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ซึ่งพวกเขาก็เป็นห่วง โดยหากเป็นพระประสงค์ของพระผู้เป็นเเจ้า วิกฤติครั้งนี้จะจบลงด้วยเหรียญทอง และนั่นคงเป็นการตอบสนองที่ดีที่สุด 

ทั้งนี้ ตนต้องขอบคุณคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (โอไอซี-OIC) และประธาน โทมัส บาค (Thomas Bach) ที่ยืนหยัดเคียงข้างตนอย่างแน่วแน่ ตนรู้ว่าคณะกรรมการโอลิมปิกได้ให้ความยุติธรรม และตนก็พอใจกับแนวทางแก้ไขนี้ เพราะแสดงให้เห็นความจริง ซึ่งตนจะไม่ปล่อยให้คำพูดหรือการกล่าวหาใดๆ มาขัดขวางไม่ให้พยายามคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเหรียญแรกมวยสากลประเภทหญิงให้กับประเทศแอลจีเรีย

หนึ่งวันหลังจากไฟต์ที่ อิมาน เคลิฟ เอาชนะ อันนา ลูกา ฮาโมรี (Anna Luca Hamori) นักมวยหญิงชาวฮังการี ในทัวร์นาเมนต์โอลิมปิกปารีสเกมส์ เคลิฟ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แนวแน่ว่า ตนไม่สนใจความคิดเห็นของใคร เพราะตนมาที่นี่เพื่อแข่งขันให้ได้เหรียญรางวัล ตนจะแข่งขันอย่างแน่นอนเพื่อพัฒนาตัวเอง และเป็นคนดีขึ้น และด้วยพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ตนจะพัฒนาตนเองขึ้นไปเหมือนกับนักกีฬาคนอื่นๆ

“พูดตามตรง ฉันไม่ได้เล่นโซเชียล มีทีมสุขภาพจิตที่ไม่อนุญาตให้เราติดตามสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะในโอลิมปิก ไม่ว่าจะเป็นฉันหรือนักกีฬาคนอื่นๆ ฉันมาที่นี่เพื่อแข่งขันและได้ผลลัพธ์ที่ดี” เคลิฟ ระบุ

รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า อิมาน เคลิฟ เกิดและเติบโตในพื้นที่ชนบทในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของแอลจีเรีย ในตอนแรกเลือกเล่นกีฬาฟุตบอล แต่เมื่อรู้ตัวว่าชอบกีฬามวยสากลมากกว่า จึงยอมเดินทางด้วยรถบัสเป็นระยะทาง 10 กิโลเมตร ไปฝึกซ้อมในค่ายมวยที่อยู่ในเมืองใกล้เคียง แม้ผู้เป็นพ่อจะคัดค้านก็ตาม ก่อนจะขึ้นสู่จุดสูงสุดของอาชีพในฐานะนักกีฬาทีมชาติ โดยลงแข่งในทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติมาแล้วหลายครั้ง

อย่างไรก็ตาม ในปี 2566 สหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ (ไอบา-IBA) ได้ตัดสิทธิ์ เคลิฟ รวมถึง หลิน ยู่-ถิง (Lin Yu-ting) นักมวยชาวไต้หวัน ไม่ให้ลงแข่งมวยสากลสมัครเล่นประเภทหญืงอีก โดยอ้างว่า ทั้ง 2 คน ไม่ผ่านการทดสอบเพื่อยืนยันว่ามีเพศกำเนิดเป็นผู้หญิง อย่างไรก็ตาม ไอบานั้นถูกแบนโดยโอไอซี และโอลิมปิกที่ปารีสในครั้งนี้ โอไอซีรับหน้าที่จัดการแข่งขันกีฬามวยสากลสมัครเล่น ซึ่งอนุญาตให้ทั้งคู่ลงแข่งได้ นำมาสู่ข้อถกเถียงเกี่ยวกับทัศนคติที่เปลี่ยนไป ว่าด้วยอัตลักษณ์ทางเพศและกฎระเบียบในการแข่งขันกีฬา

“ประเด็นนี้เกี่ยวข้องกับศักดิ์ศรีและเกียรติยศของผู้หญิงทุกคน ชาวอาหรับรู้จักฉันมาหลายปีแล้ว และเคยเห็นฉันชกมวยในรายการที่ไอบาจัดขึ้น ซึ่งพวกเขาทำผิดต่อฉันและปฏิบัติต่อฉันอย่างไม่ยุติธรรม แต่พระเจ้าอยู่เคียงข้างฉัน” เคลิฟ กล่าวกับสถานีวิทยุท้องถิ่นในแอลจีเรีย เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2567

สำหรับไฟต์ต่อไปของ อิมาน เคลิฟ ในปารีสเกมส์ จะเป็นรอบรองชนะเลิศ โดยจะพบกับ จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง (Janjaem Suwannapheng) นักมวยจากประเทศไทย ในวันที่ 6 ส.ค. 2567 ตามเวลาท้องถิ่นของฝรั่งเศส (หรือเวลาประมาณ 03.30 น. เช้ามืดวันที่ 7 ส.ค. 2567 ตามเวลาประเทศไทย) ซึ่งผู้ชนะในไฟต์นี้จะได้เข้ารอบไปชิงเหรียญทอง 

ขอบคุณเรื่องจาก
https://www.cbsnews.com/news/olympic-boxer-imane-khelif-hateful-scrutiny-backlash-gender-misconceptions/