ในปัจจุบัน โรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูงโรคหัวใจ และมะเร็ง กลายเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้คนทั่วโลก แม้ว่าการรักษาด้วยยาและเทคโนโลยีทางการแพทย์จะก้าวหน้ามากขึ้น แต่แนวทางการป้องกันและจัดการโรคเหล่านี้ด้วยการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญ การแพทย์วิถีชีวิต (Lifestyle Medicine) เป็นศาสตร์ที่เน้นการดูแลสุขภาพโดยใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เพื่อช่วยให้ผู้คนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและวิถีชีวิตให้ดีขึ้น
แนวทางนี้ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการรักษาโรค แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรัง ฟื้นฟูสุขภาพ และปรับปรุงคุณภาพชีวิตในระยะยาว ด้วยเสาหลัก 6 ข้อที่ทุกคนสามารถปฏิบัติได้ในชีวิตประจำวัน การแพทย์วิถีชีวิตจึงเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ช่วยให้เรามีสุขภาพที่
แข็งแรงและยั่งยืน
เสาหลักของการแพทย์วิถีชีวิต (Lifestyle Medicine) เพื่อสุขภาพที่ยั่งยืน
ในยุคที่โรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูงโรคหัวใจ และมะเร็ง กลายเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญ หลายคนอาจไม่ทราบว่าการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตสามารถช่วยป้องกันและจัดการโรคเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การแพทย์วิถีชีวิต (Lifestyle Medicine) เน้นการดูแลสุขภาพด้วยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและวิถีชีวิต โดยมี “เสาหลัก” 6 ข้อที่ทุกคนสามารถปฏิบัติได้ง่ายๆ เพื่อสุขภาพที่ยั่งยืน
1. การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ
อาหารเป็นพื้นฐานสำคัญของสุขภาพ การเลือกรับประทานอาหารที่เน้นพืชเป็นหลัก (Plant-Based Diet) เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด ถั่ว และเมล็ดพืช สามารถลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังได้อย่างมาก หลีกเลี่ยงอาหารที่ผ่านกระบวนการสูง น้ำตาล และไขมันอิ่มตัว เพราะอาจเพิ่มโอกาสเกิดโรคหัวใจและเบาหวาน การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ในสัดส่วนที่สมดุลเป็นสิ่งที่ควรทำทุกวัน
2. การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การเคลื่อนไหวร่างกายช่วยเพิ่มสมรรถภาพของหัวใจ ปอด และระบบไหลเวียนเลือด อีกทั้งยังช่วยลดน้ำหนักและเพิ่มพลังงานในชีวิตประจำวัน คำแนะนำคือควรออกกำลังกายแบบแอโรบิกระดับปานกลาง เช่น เดินเร็ว หรือปั่นจักรยาน อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ ควรเสริมการฝึกกล้ามเนื้ออย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้งเพื่อความแข็งแรง
3. การนอนหลับที่เพียงพอและมีคุณภาพ
การนอนหลับที่ดีส่งผลต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ ควรนอนหลับวันละ 7–9 ชั่วโมง และหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือหรือจอคอมพิวเตอร์ก่อนนอน เพราะแสงสีฟ้าจะรบกวนการผลิตฮอร์โมนเมลาโทนินที่ช่วยให้นอนหลับ การพักผ่อนเพียงพอช่วยเพิ่มสมาธิและลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง
4. การจัดการความเครียด
ความเครียดเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่โรคเรื้อรัง เช่น ความดันโลหิตสูง และโรคซึมเศร้า วิธีลดความเครียด ได้แก่ การฝึกสมาธิ (Meditation) การหายใจลึกๆ หรือการทำกิจกรรมที่ชอบ เช่น อ่านหนังสือหรือทำงานอดิเรก การรู้จักจัดลำดับความสำคัญในชีวิตยังช่วยลดความเครียดในระยะยาว
5. การหลีกเลี่ยงสารเสพติดและพฤติกรรมเสี่ยง
การหลีกเลี่ยงบุหรี่ สุรา และสารเสพติดเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการรักษาสุขภาพที่ดี การสูบบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคปอดและมะเร็งหลายชนิด ส่วนการดื่มสุราในปริมาณมากอาจทำลายตับและระบบประสาท การสร้างพฤติกรรมที่ปลอดภัย เช่น การขับรถอย่างมีสติและไม่ดื่มสุราก่อนขับขี่ยังช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ
6. การสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมที่ดี
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัว เพื่อน หรือชุมชนช่วยเสริมสร้างสุขภาพจิตและลดความรู้สึกโดดเดี่ยว ความสัมพันธ์ที่ดีช่วยให้เกิดแรงสนับสนุนเมื่อเจอปัญหา และยังช่วยเพิ่มความสุขในชีวิต
เริ่มต้นปรับเปลี่ยนวันนี้ เพื่อชีวิตที่ยืนยาว
เสาหลักทั้ง 6 ข้อของการแพทย์วิถีชีวิตไม่ใช่เรื่องยากที่จะเริ่มต้น ลองเริ่มจากการปรับเปลี่ยนสิ่งเล็กๆ เช่น การเพิ่มผักในมื้ออาหาร การเดินออกกำลังกายวันละ 15 นาที หรือการเข้านอนให้ตรงเวลา การเปลี่ยนแปลงทีละน้อยจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ในระยะยาว
สุขภาพที่ดีไม่ได้เกิดจากการพึ่งพายาเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการสร้างพฤติกรรมที่ดีในชีวิตประจำวัน มาเริ่มต้นวันนี้ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงและชีวิตที่มีความสุขยิ่งขึ้น
(บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้สำหรับประชาชนทั่วไป หากท่านมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม)
รศ.ดร.นพ.เมษัณฑ์ ปรมาธิกุล
สมาคมกีฬาเวชศาสตร์การกีฬาแห่งประเทศไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี