ผ่า 4 จุด! หงส์พังเรือยึดฝูงผู้ดี

ผ่า 4 จุด! หงส์พังเรือยึดฝูงผู้ดี

วันจันทร์ ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2567, 11.36 น.

“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล กางปีกไล่จิก “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-0 ในเกมบิ๊กแมทช์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่แอนฟิลด์ จากสกอร์ของ โคดี้ กัคโป นาทีที่ 12 และจุดโทษของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ นาทีที่ 78 นำจ่าฝูงต่อไปแบบสวยงาม นี่คือ 4 ประเด็นที่น่าสนใจจากเกมนี้

1.ประท้วง


เรื่องสำคัญของแฟนฟุตบอลที่ส่งผ่านเกมการแข่งขันจาก “แบนเนอร์” เกิดขึ้นในเกมนี้อีกครั้ง 

ฟุตบอลอาชีพ เป็นเรื่องของท้องถิ่นนิยม เป็นอุตสาหกรรมแห่งความบันเทิง เป็นของที่เข้าถึงได้ง่าย เพราะราคาไม่แพง สร้างอารมณ์สร้างความอภิรมย์มากมาย และเป็นความภาคภูมิใจของคนเมือง 

ฟุตบอลเป็นเรื่องของชนพื้นถิ่น เป็นสถานที่รวมตัวกันประจำสัปดาห์ ผลงานดีเป็นเรื่องของท้องถิ่นที่นิยมมากขึ้นจนไปทั่วโลก 

วันที่มีบิ๊กแมทช์ มีความยอดเยี่ยมบนสนาม และมีความยอดเยี่ยมนอกสนาม

แฟนบอลลิเวอร์พูล และแฟนบอลแมนฯซิตี้  รวมตัวกันด้านนอกสนามแอนฟิลด์เพื่อประท้วงราคาตั๋วที่พุ่งสูงขึ้น

กลุ่มสปิริต ออฟ แชงคลีย์ แถลงการณ์ขอขอบคุณทุกคนที่มาแสดงพลัง ถือแบนเนอร์ไว้ด้านนอกก่อนเริ่มเกม และดีใจมากที่ได้เห็นแบนเนอร์นี้ที่บริเวณทั้งสองด้านของสนาม และอีกฝั่งหนึ่งของสนาม ก่อนเริ่มการแข่งขัน

กับการส่งข้อความ: #StopExploitingLoyalty หรือ หยุดการแสวงประโยชน์จากความจงรักภักดีของแฟนบอล

2.วิธีการเล่นด้วยแนวทางรุกไปสู่รับ

ลิเวอร์พูล ทำทุกอย่างตามที่หน้าเสื่อกางมา ไม่มีพลิกโผ 

เล่นบอลเร็วจาก โดมินิค โซโบสไล ที่ได้สตาร์ทในฐานะม้าวิ่ง เพราะไม่ต้องการบอลคอนโทรลของ เคอร์ติส โจนส์ 

บอลเดินหน้า มั่นใจด้วยโมเมนตัมของสถานการณ์ที่ดีกว่า

บวกกับบอลมีมิติจากแนวลึกมากขึ้นกว่าเดิมจาก เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์  ขณะที่ ซิตี้ แก้ไขสถานการณ์ จนเหมือนกับแผนดูสับสน โดยเฉพาะตำแหน่งของ ริโก้ ลูวิส

เมื่อเรากลับมาดูภาพช้าประตูแรกที่ ลิเวอร์พูล ได้ นับเป็นจังหวะต่อเนื่องหลังจาก เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค โหม่งชนเสา

บอลกลับมาอยู่ในการครอบครอง แล้วยืนหลังเซ็ตบอล 3 คน คือ โจ โกเมซ-แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน-เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ประเด็นคือการโควต้าเข้าสู่ตำแหน่งชัดเจนว่า วินัยของทีมสูงมากเรื่องเกมรับต้องมีอยู่ 3 คนเสมอ ๆ 

แล้วลูกเปิดสวิงพาสต์จาก เทรนท์ นำมาสู่การได้ประตูออกนำ 

เกมนี้ อาร์เน่อ ชล็อต จัดทัพลงสนามเพื่อเน้นเรื่องของสปีด ขณะที่ ซิตี้ เน้นเรื่องของสโลว์ แล้วขอประตูแรก กระทั่งพอได้แล้วก็มาเข้าโหมดของ “ชล็อต บอล”

ไม่แปลกที่ ซิตี้ จะได้ครองเกมในครึ่งหลัง พร้อมกับเก็บบอลจังหวะสองได้ดีกว่ามาก 

ขณะที่ ลิเวอร์พูล มาขึงเกมรับ และสวนได้อันตรายทุกดอก

3.เทิร์นนิ่งพอยต์

ประตูแรกเกิดขึ้นในนาทีที่ 12 และประตูที่สองเกิดขึ้นใน 12 นาทีสุดท้าย

หลายคนอาจจะมองถึงประตูที่ 2 แต่ผมมองว่าตั้งแต่สกอร์แรกที่ได้นั่นคือจุดเปลี่่ยนสำคัญมาก ๆ เพราะ ชล็อต ได้กลับไปเล่นตามบอลที่ตัวเองถนัด

โคดี้ กัคโป ทำได้นาทีที่ 12 วีคนี้ยิงได้ทั้ง เรอัล มาดริด และแมนฯซิตี้ 

จากนั้นบอลลงมาเพื่อสร้างสถานการณ์กับ แก้สถานการณ์ มันชัดเจนเรื่อย ๆ 

กระทั่งประตูที่ 2 ของ ลิเวอร์พูล ได้มาในจังหวะสำคัญมากของเกม

เกมกำลังเป็นของ ซิตี้ อย่างชัดเจน

แต่มาได้จุดโทษ และขึ้นนำ 2-0 จาก โม ซาลาห์ เมื่อเกมผ่านไป 78 นาที

4.ทวงสัญญาคำรบ3

นัยยะสำคัญหลังเกมของ”โมฮาเหม็ด ซาลาห์” เกิดขึ้นอีกครั้ง 

โม ซาลาห์ กล่าวหลังเกมว่า พูดตามตรง เรื่องสัญญามันอยู่ในหัวของผม จนถึงตอนนี้ นี่อาจเป็นเกมสุดท้ายของผมในการเจอกับ ซิตี้ ในฐานะนักบอลลิเวอร์พูล ดังนั้นผมจึงแค่จะสนุกกับมัน

“บรรยากาศมันสุดยอดมาก ดังนั้นผมจะสนุกกับทุกวินาทีที่นี่ หวังว่าเราจะคว้าแชมป์ลีกและรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

“มันพิเศษมาก ผมเคยบอกไปแล้วว่า แอนฟิลด์ คือรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเกิดผม” 

นับเป็นครั้งที่ 3 ที่ ซาลาห์ กล่าวแบบนี้ 

ซาลาห์ ทั้งยิงทั้งจ่ายในเกมนี้ นับเป็นเกมที่ 36 ทาบสถิติสูงสุดตลอดกาลเท่ากับ เวย์น รูนี่ย์

ซาลาห์ ยิงทีมที่เป็นแชมป์เก่าที่มาป้องกันแชมป์ในซีซั่นต่อมา ได้ไปแล้ว 8 ประตูในทุกรายการ สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของทีม แจ็ค พาร์กินสัน และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด

กอร์ดอน ฮ็อดจ์สัน ยิงเอาไว้มากสุด 9 ประตู 

คนเราถ้าพูดบ่อย ๆ รับรองเลยว่า โอกาสจบกันไปมีสูงมาก หากยังทำตัวเป็นสากกะเบือแช่ครกอยู่อย่างนี้ เพราะเขาเริ่มคุยกับคนอื่น บอกคนอื่นเรื่องของคุณแล้ว.......

ลิเวอร์พูลชนะไปแล้ว 19 นัด จาก 21 นัดหลังสุดในทุกรายการ ถือเป็นผลงานรวมทุกรายการ 21 นัดที่ดีที่สุดของพวกเขา นับตั้งแต่การเล่นที่ออกรันชนะ 19 นัด จาก 21 นัดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-สิงหาคม 1989 ยุค เคนนี่ ดัลกลิช ภาคแรก

ผมเลือก เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค เป็น แมน ออฟ เดอะ แมทช์ โดดเด่นและเฉียบขาดแทบจะไม่พลาดเลยแม้แต่น้อย ยกเว้นจังหวะกับ เดวิด เดอ บรอยน์ โชคดีที่ไม่เป็นเหตุ

ผ่านระยะทาง 1 ใน 3 ของฤดูกาล ลิเวอร์พูล นำจ่าฝูง สถิติในลีก ชนะ 11 เสมอ 1 แพ้ 1 มี 34 คะแนน 

นำ อาร์เซนอล กับ เชลซี ทีมอันดับ 2 และ 3 ไปแล้ว 9 คะแนน  

ส่วน ซิตี้ หล่นไปอยู่ที่ 5 ห่าง ลิเวอร์พูล ไป 11 คะแนน จาก 13 เกมแรก ของฤดูกาล พวกเขาเก็บคะแนนไม่ได้เลย 4 นัดติดต่อกัน หลังจากเป็นจ่าฝูงเมื่อแมทช์เดย์ที่ 9

อาร์เน่อ ชล็อต บอกว่า “ผมไม่คิดว่าใครก็ตาม รวมถึงผมด้วย จะคาดเดาถึงการเริ่มต้นฤดูกาลได้ขนาดนี้”

เล่นขนาดนี้ ถ้าเป็นฝันก็ยังไม่อยากตื่นครับ.......

#บีแหลมสิงห์  

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top