นาย สรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน ในการประชุมคณะมนตรีซีเกมส์ ที่โรงแรมเดอะแกรนด์ โฟร์วิงส์ คอนเวนชั่น ท่าทกลางบรรยากาศที่คึกคัก ซึ่งการประชุมครั้งนี้ทั้ง 11 ประเทศสมาชิก ที่จะเข้าร่วมการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 9-20 ธ.ค.68 ส่งผู้แทนเข้าร่วมประเทศละ 3 คน ร่วมด้วย นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ รองประธานสหพันธ์กีฬาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ สหพันธ์กีฬาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, นายพิมล ศรีวิกรณ์ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย 

          ทั้งนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ในนามรัฐบาลไทยที่เป็นเจ้าภาพการแข่งขันฯ ได้มอบหนังสือเชิญประเทศสมาชิกในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ที่จะเข้าร่วมการแข่งขันซีเกมส์ครั้งที่ 33 อย่างเป็นทางการ  พร้อมมอบของที่ระลึกเป็น กางเกงช้างให้กับกรรมการซึ่งเป็นตัวแทนของ noct จากประเทศสมาชิกทั้ง 11 ประเทศ

       ทางด้านการประชุมครั้งนี้ นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ รองประธานสหพันธ์กีฬาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ สหพันธ์กีฬาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ก็เพื่อให้ประเทศสมาชิกได้ติดตามความคืบหน้าในการจัดแข่งขัน ในส่วนของการเตรียมงานนั้น แต่ละชาติให้ความชื่นชมประเทศไทยเป็นอย่างมากในเรื่องของการเตรียมงานด้านต่างๆ จะติดอยู่เพียงเรื่องเดียว คือเรื่องของการสร้างบรรยากาศการแข่งขัน ซึ่งก็อยากให้ประเทศไทยช่วยโหมโรงและสร้างกระแสการจัดการแข่งขันให้หนักและแรงขึ้นในช่วง 6 เดือนที่จะถึงต่อจากนี้
       
 "ในที่ประชุมค่อนข้างพอใจภาพรวมการเตรียมตัวของไทย แต่ยังมีข้อสังเกตจากชาติสมาชิกที่ยังรู้สึกว่าการประชาสัทพันธ์เกี่ยวกับการแข่งขันซีเกมส์ของไทยยังน้อยไป ไม่มีป้ายประชาสัมพันธ์ และการมีส่วนร่วมของชาวไทยก็ยังไม่มากยังไม่มีการตื่นตัวเท่าที่ควร"

         ขณะที่ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าวถึงประเด็นการประชาสัมพันธ์การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ในไทยว่า เรื่องดังกล่าว นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก็มีการสั่งการและย้ำให้เดินหน้าทำการประชาสัมพันธ์กันอย่างเต็มที่ โดยแผนประชาสัมพันธ์นั้นจะเริ่มเต็มที่ตั้งแต่ปลายเดือนมิ.ย.นี้เป็นต้นไป โดยจะทำพร้อมกันไปทั้ง 3 เมืองเจ้าภาพ คือ กรุงเทพฯ, ชลบุรี และ สงขลา ในทุกช่องทาง โดยเฉพาะโซเชียลมีเดีย ซึ่งจะมีการดึงอินฟลูเอนเซอร์, นักกีฬาทีมชาติไทย มาร่วมโปรโมทกันอย่างเต็มที่