บทสรุปคัดบอลโลกฟีฟ่าเดย์กันยายน2025

บทสรุปคัดบอลโลกฟีฟ่าเดย์กันยายน2025

วันพุธ ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2568, 13.30 น.

 

การแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก 2026 เข้มข้นอย่างมาก ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยได้แล้ว 18 ทีมผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายในปีหน้า ที่สหรัฐอเมริกา จะเป็นเจ้าภาพร่วมกับ เม็กซิโก และแคนาดา


 

๐ โซนยุโรป

คริสติอาโน โรนัลโด ทำลายสถิติการทำประตูสูงสุดในบอลโลก รอบคัดเลือก เขายิงหนึ่งประตูช่วยให้ โปรตุเกส บุกเฉือน ฮังการี 3-2 ที่บูดาเปสต์

โด้ ยิงได้เป็นสกอร์ที่ 39 ในการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ทำให้เขาเป็นผู้ทำประตูสูงสุด "เท่ากับ" คาร์ลอส รุยซ์ จากกัวเตมาลา ยิงได้มากกว่า ลิโอเนล เมสซี จาก อาร์เจนตินา 3 ประตู

 

โรนัลโด วัย 40 ปี เพิ่มสถิติในนามทีมชาติโปรตุเกสเป็น 141 ประตู จากการลงเล่น 223 นัด ซึ่งมากที่สุดในบรรดานักเตะทุกคนในโลกใบนี้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งจำนวนประตู และจำนวนนัดที่ลงสนามรับใช้ชาติ สำหรับ โรนัลโด้ เขาเคยเล่นฟุตบอลโลกตั้งแต่ปี 2006 ทำให้เขาอาจจะกลายเป็นผู้เล่นคนแรกที่ได้ลงเล่นฟุตบอลโลกถึง 6 ครั้ง

 

ฝั่งของ “จอมมารบู" เออร์ลิง เบราท์-ฮาลันด์ กด 5 ประตู แอสซิสต์อีก 2 ประตู เขายิงไปแล้ว 48 ประตูจาก 45 นัดให้กับทีมชาติ และเป็นแฮตทริกครั้งที่ 5

 

ฮาลันด์ ยิงลั่นได้ 5 ประตูในนัดเดียวให้กับทีมชาติเป็นครั้งแรก หลังจากที่ทำได้สองครั้งกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และธีโล อาสการ์ด กองกลางจากเรนเจอร์ส ลงสำรองยิงได้ถึง 4 ลูก ทำให้ นอร์เวย์ ยิงได้ 11 ประตูในเกมเดียวเป็นครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์ โดยสถิติสูงสุดคือชนะฟินแลนด์ 12-0 เมื่อปี 1946

 

เวลานี้เป็นจ่าฝูงคัดบอลโลก กลุ่ม I นำ อิตาลีอยู่ 6 คะแนน และขยับเข้าใกล้ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ในรอบ 27 ปี หลังจากพวกเขาไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันรายการใหญ่ใดๆ เลยนับตั้งแต่ยูโร 2000  และครั้งสุดท้ายที่ไปบอลโลก รอบสุดท้าย คือ ปี 1998

 

ขณะที่ “อัศวินสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ นำจ่าฝูงกลุ่มจี มีอยู่ 10 คะแนน เท่ากับโปแลนด์ สถานการณ์ยังคลุมเครือ แต่ เมมฟิส เดปาย หัวหอกวัย 31 ปี ที่ค้าแข้งกับ โครินเธียนส์ ในประเทศบราซิล ขึ้นแท่นกลายเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติ หลังทำ 2 ประตูช่วยให้ทีมบุกเฉือน ลิธัวเนีย 3-2 

 

เดปาย ซัดให้ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ไปแล้ว 52 ประตู จากการลงเล่น 102 เกม แซงหน้า โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ อดีตดาวยิงของ อาร์เซน่อล และแมนฯยูไนเต็ด ที่เคยทำไว้ 50 ประตู ในช่วงปี 2005-2017

 

ส่วนขวัญใจมหาชนอย่าง “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ ภายใต้การคุมทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล ยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมชนะ 5 เกมรวดมี 15 คะแนน ไฮไลท์คือการบุกไปปราบคู่แข่งสำคัญอย่าง เซอร์เบีย ถึงเบลเกรด 5-0 โอกาสลิ่วรอบสุดท้ายถือว่าสดใส

 

ข้ามฟากไปที่โซนอเมริกาใต้แข่งขันครบแล้ว ทีมละ 18 นัด 6 ทีมผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายตามโควต้า ประกอบด้วยอาร์เจนตินาเข้ารอบเป็นสมัยที่ 19, บราซิล เข้ารอบทุกสมัยเป็นสมัยที่ 23, เอกวาดอร์เข้ารอบเป็นที่ 5, อุรุกวัยเข้ารอบเป็นสมัยที่ 15, โคลอมเบีย เข้ารอบเป็นสมัยที่ 7 และ ปารากวัย เข้ารอบเป็นสมัยที่ 9

 

ในเกมนัดสุดท้ายเกิดการพลิกผันเมื่อ เวเนซูเอล่า ที่ลุ้นจะคว้าทั้งโควต้าเพลย์ออฟ อันดับ 7 โดยมี 18 แต้ม ขณะที่ โบลีเวีย มี 17 คะแนน

 

เวเนฯ เปิดบ้านเจอกับ โคลอมเบีย ส่วน โบลีเวีย ดวล บราซิล โดยทุกอย่างทำท่าจะเข้าทาง เวเนฯ ที่ขึ้นนำไปก่อนตั้งแต่ 3 นาทีแรก 1-0 และผ่านไป 12 นาที พลิกขึ้นนำอีกที 2-1สุดท้ายโดน โคลอมเบีย ไล่ยิงยับ ผลจบลงด้วย เวเนฯ แพ้เละ 3-6 บวกกับ โบลีเวีย เล่นในบ้านเอสตาดิโอ มูนิซิปัล เดอ เอล อัลโต้ แล้วกำชัยแบบพลิกล็อก โดยได้ประตูจาก “มิเกลิโต้” หรือ มิเกล เตอร์เซรอส ตัวรุกวัย 22 ปีจากสโมสรซานโต๊ส ในบราซิล เป็นผู้ยิงจุดโทษให้ทีมกำชัยเหนือ แซมบ้า ไปได้ 1-0 ส่งโบลีเวีย ได้ตั๋ว Inter-confederation play-offs

 

โซนนี้จากจำนวนทั้งสิ้น 90 นัดมีการทำประตูรวมกันทั้งสิ้น 189 ประตู เฉลี่ยนัดละ 2.03 ลูก โดยที่ ลีโอเนล เมสซี่ ทำประตูได้มากที่สุดในการแข่งขันของโซนนี้จำนวนทั้งสิ้น 8 ประตู ตามมาด้วย หลุยส์ ดิอาซ จากโคลอมเบีย และ มิเกล เตอร์เซรอส จากโบลิเวีย คนละ 7 ประตูด้วยกัน

 

ทางด้านโซนแอฟริกา มี 2 ชาติที่การันตีการผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายแล้ว คือ “ราชสีห์แห่งแอตลาส” โมรอคโก ที่ลงเล่น 7 เกมเก็บ 21 คะแนน อีกหนึ่งทีมคือ “อินทรีแห่งคาร์เธจ” ตูนิเซีย ไม่แพ้ใครในรอบแบ่งกลุ่มเช่นกัน ชนะ 7 เสมอ 1 มี 22 คะแนน ส่วนยักษ์ใหญ่อย่าง “ฟาโรห์” อียิปต์ นำจ่าฝูงของกลุ่มเอ มี 20 คะแนน เหลือโปรแกรมอีก 2 นัด พวกเขาต้องการอีก 1 คะแนน ก็จะการันตีเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย 

 

ขณะที่ เซเนกัล, กาน่า, แอลจีเรีย, ไนจีเรีย, แคเมอรูน และไอวอรี่ โคสต์ ยังต้องลุ้นหนักในฟีฟ่า เดย์ รอบหน้าเดือนตุลาคม แต่ชาติเล็ก ๆ อย่าง ประเทศกาบูเวร์ดีซึ่งมีประชากรเพียง 593,149 คน นำจ่าฝูงกลุ่ม ซี มี 19 แต้ม ต้องการชัยชนะเพียงครั้งเดียว หรืออย่างน้อยก็ผลการแข่งขันที่ดีจากทีมอื่นๆ เหนือลิเบียหรือเอสวาตีนี เพื่อผ่านเข้ารอบฟุตบอลโลกครั้งแรก ซึ่งก่อนหน้านี้มีเพียงไอซ์แลนด์ เท่านั้นที่มีประชากรน้อยกว่าและผ่านเข้ารอบฟุตบอลโลก ได้ โดยมีประชากร 404,610 คน

 

ส่วนโซนเอเชียในเดือนนี้ไม่มีโปรแกรมลงแข่งขัน โดยรอบ 4 จะลงฟาดแข้งในเดือนตุลาคมของ 6 ทีมอย่าง กาตาร์, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, โอมาน, ซาอุดีอาระเบีย, อิรัก และอินโดนีเซีย ที่ต้องแย่งตั๋ว 2 ใบสุดท้าย 

 

สรุปชาติที่ผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายของศึกฟุตบอลโลก 2026 เอเชีย: ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย, อิหร่าน, จอร์แดน, เกาหลีใต้ และอุซเบกิสถาน, แอฟริกา: โมรอคโก และตูนิเซีย , คอนคาเคฟ: แคนาดา (เจ้าภาพ), เม็กซิโก (เจ้าภาพ), สหรัฐอเมริกา (เจ้าภาพ), อเมริกาใต้: อาร์เจนติน่า, บราซิล, อุรุกวัย, เอกวาดอร์, โคลอมเบีย และปารากวัย  และโอเชียเนีย: นิวซีแลนด์

 

สำหรับการเตะรอบเพลย์ออฟเวิลด์คัพนั้น จะมีทั้งสิ้น 6 ทีม กำหนดจะดวลแข้งในเดือนมีนาคม 2026 ชิงตั๋ว 2 ใบสุดท้าย

 

การแข่งขันมินิทัวร์นาเมนต์ประกอบด้วย 6 ประเทศ แบ่งเป็น 2 ชาติมาจากโซนอเมริกาเหนือ, อเมริกากลาง และแคริบเบียน(CONCACA), 1 ชาติจากเอเชีย(AFC), 1 ชาติจากแอฟริกา(CAF), 1 ชาติจากอเมริกาใต้(CONMEBOL) และ 1 ชาติโอเชียเนีย(OFC)

 

ทีมที่มีอันดับที่ดีที่สุดจากแรงกิ้งฟีฟ่า 2 ชาติจะผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศโดยตรง ส่วนที่เหลือ 4 ชาติจะแข่งขันกันในรอบรองชนะเลิศ 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top