การแข่งขันฟุตบอล 5 ลีกใหญ่ของยุโรปฤดูกาล 2025-26 ผ่านพ้นกันไปกับ 2 เดือน แรกเข้าสู่ช่วงฟีฟ่า เดย์ เดือนตุลาคม นักเตะต่างแยกทางไปทำภารกิจช่วยชาติ
ในแต่ละลีกต่างก็มีเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย พาไปชมกับสถานการณ์ล่าสุดของแต่ละลีก
๐ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ลีกฟุตบอลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกอย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ผ่านการลงเล่น 7 เกมแรก สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของตำแหน่งจ่าฝูง
เมื่อแชมป์เก่า “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่ออกสตาร์ทด้วยการชนะ 5 เกมรวด ในเดือนกันยายน ถือเป็นฝันร้ายในทีมของ อาร์เน่อ ชล็อต เมื่อช่วงเขาแพ้ 3 เกมติดในทุกรายการ
โดยเฉพาะเกมล่าสุดบุกไปสลบคา “เดอะ บริดจ์” โดน เชลซี ที่สภาพทีมเจ็บบานตะไท ถลุงประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ พ่ายไป 2-1 เจ็บปวดกับการโดนยิงในนาทีบาทป 2 เกมติดในลีก
ส่งผลให้ 15 คะแนนเท่าเดิม ถูกผู้ตามอย่าง “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ที่ฟอร์มดีอย่างต่อเนื่อง แซงขึ้นนำจ่าฝูงด้วยการมี 16 คะแนน หลังเปิดเอมิเรตส์ ต้อน “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-0 ในเกมลอนดอน ดาร์บี้
ส่วน คริสตัล พาเลซ พ่ายแพ้ในลีกเป็นนัดแรกของฤดูกาลนี้ หลังบุกไปโดน เอฟเวอร์ตัน พลิกแซงในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 2-1
ทีมของ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ ต้องหยุดสถิติไม่แพ้ใครในทุกรายการติดต่อกันไว้ที่ 19 เกม การดวลกับ “ท็อฟฟี่เมน” ยังเป็นฝันร้ายของพวกเขาต่อไป 10 เกมหลังไม่ชนะเลย เสมอ 3 แพ้ ถึง 7
ทำให้ผ่าน 7 เกมแรกของศึกพรีเมียร์ลีก 20 ทีม ต่างก็แพ้กันหมดแล้ว แต่ก็ยังมีทีมเดียวที่ยังไม่สามารถเอาชนะใครได้คือ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส เสมอ 2 แพ้ 5 มี 2 คะแนน จมบ๊วยของตาราง
ในพาร์ทของทีมที่ผลงานดีอย่างต่อเนื่อง เริ่มจาก “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เข้าเบรกด้วยการไม่แพ้ใคร 7 เกมติดในทุกรายการ บุกไปเฉือน “ผึ้งน้อย” เบรนท์ฟอร์ด 1-0 จากประตูชัยของ เออร์ลิ่ง เบร้าท์ ฮาลันด์ ที่ตอนนี้ซัดไปแล้ว 9 ประตู นำเป็นดาวซัลโว พร้อมเก็บเพิ่มเป็น 13 คะแนน ขึ้นมารั้งอันดับ 5 ของตาราง
ขณะที่ เอเอฟซี บอร์นมัธ และ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ยังแรงไม่ตกเกาะกลุ่มกันอยู่บนหัวตาราง อองตวน เซเมนโย่ ฟอร์มฮอตสุด ๆ กดไป 6 ประตู จนมีข่าวเชื่อมโยงกับ ลิเวอร์พูล และอาร์เซน่อล
โซนท้ายตารางนอกจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน และเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่อาการน่าเป็นห่วง “เจ้าป่า” น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ต้องพบเจอกับสถานการณ์ที่ไม่ต่างกัน ไม่ชนะใคร 7 เกมติดในทุกรายการ นับตั้งแต่ “ลุงแอนจ์” แอนจ์ ปอสเตโคกลู เข้ามาคุมทีม
ส่วน เบิร์นลีย์ ไร้ชัยในลีก 5 เกมรวด เสมอ 1 แพ้ 4 แต่เข้าใจได้ เพราะทีมของ สกอตต์ ปาร์คเกอร์ กำลังอยู่ในช่วงที่เจอโปรแกรมหนัก รับมือกับ แมนฯยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, แมนฯซิตี้ รวมไปถึงแอสตัน วิลล่า
๐ บุนเดสลีกา เยอรมนี
ข้ามฟากมาที่บุนเดสลีกา เยอรมัน ผ่านการแข่งขันไปแล้ว 6 เกม แชมป์เก่าและจ่าฝูงอย่าง “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ยังโชว์ฟอร์มระดับมาสเตอร์พีช ชนะ 6 เกมรวด พร้อมถลุงตาข่ายคู่แข่งไป 25 ประตู มี 18 คะแนนเต็ม
โดยเกมล่าสุดบุกไปดับซ่าส์ทีมพลังหนุ่มอย่าง “อินทรีแดงดำ” ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต ถึงดอยซ์ แบงค์ พาร์ค 3-0 จากการทำสองประตูของ หลุยส์ ดิอาซ และอีกลูกจาก แฮร์รี่ เคน
“ทิดเคน” กดไปแล้ว 11 ประตู นำดาวซัลโว ตามด้วย หลุยส์ ดิอาซ ที่ทำไปแล้ว 5 ประตู กับ 4 แอสซิสต์ เท่ากับดาวรุ่งที่โดดเด่นขึ้นมาอย่าง ชาน อูซุน จากแฟรงค์เฟิร์ต
อีกทีมที่ตอนนี้ยังไม่แพ้ใครคือ “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ภายใต้การคุมทัพของ นิโก้ โควัช สัปดาห์ที่ผ่านมาฟอร์มสะดุดเปิดบ้านเสมอกับ แอร์เบ ไลป์ซิก 1-1 มี 14 คะแนน จากการชนะ 4 เสมอ 2
ส่วน “ม้าขาว” สตุ๊ตการ์ท ผลงานในลีกดีอย่างต่อเนื่องชนะ 3 เกมติด ด้วยการเปิดบ้านเฉือน ไฮเดนไฮม์ 1-0 ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 4 ของตาราง
สองทีมน้องใหม่ แต่ชื่อเสียงเก่าแก่อย่าง “สิงห์เหนือ” ฮัมบวร์ก และ “แพะบ้า” เอฟซี โคโลญจน์ ถือว่าทำผลงานได้ดี อยู่ในครึ่งค่อนบนของตาราง
ที่อาการน่าเป็นห่วงคือ ไมนซ์ 05 ฤดูกาลที่แล้วจบอันดับ 6 ไปเล่นฟุตบอลยุโรป เสียดาวยิงตัวแบกอย่าง โจนาธาน เบิร์กคาร์ดต ไปให้กับ แฟรงค์เฟิร์ต เก็บได้แค่ 4 คะแนน จาก 6 นัด รั้งอันดับ 16 ของตาราง
ไม่ได้ต่างอะไรกับ “สิงห์หนุ่ม” โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ยังคงเป็นทีมเดียวในลีกที่ยังไม่ชนะใคร 6 เกม เสมอ 3 แพ้ 3 มี 3 คะแนน รั้งรองบ๊วยของตาราง
กลัดบัค กลายเป็นทีมที่สอง ที่เด้งโค้ชอย่าง เกราร์โด้ เซโอเน่ กระเด็นตกเก้าอี้ในฤดูกาลนี้ ต่อจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ที่ปลด เอริค เทน ฮาก แบบฟ้าผ่า หลังซีซั่นใหม่เริ่มต้นได้แค่ 10 วัน
๐ ลาลีกา สเปน
สำหรับ ลาลีกา สเปน ก็เป็นอีกหนึ่งลีกที่มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งจ่าฝูง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด กลับมาทวงบัลลังก์อีกครั้ง หลังเปิดบ้านทุบ “เรือดำน้ำสีเหลือง” บีญาร์เรอัล 3-1
ประจวบเหมาะกับการที่ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า บุกไปโดน เซบีญ่า ของ “ไอ้หนุ่มผมยาว” มาธิอัส อัลเมย์ด้า ถล่มยับที่แคว้นอันดาลูเซีย 4-1
ทีมของ ฮันซี่ ฟลิค พ่ายแพ้ในลีกเป็นเกมแรกในฤดูกาลนี้ และเป็นแพ้ 2 นัดติดต่อกัน หลังเพิ่งโดน ปารีส แซงต์ แชร์กแมง บุกมาทุบคารังในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2-1
ปัจจัยสำคัญเป็นเรื่องของสภาพทีมที่มีปัญหาไร้นักเตะตัวหลัก โดนเฉพาะสองแนวรุกอย่าง ราฟินญ่า และลามีน ยามาล ที่บาดเจ็บ รวมไปถึง กาบี้ ที่ผ่าตัดเข่าพักอย่างน้อย 5 เดือน และเฟร์มิน โลเปซ ด้วย
ทำให้ 20 ทีมในลาลีกา สเปน ต่างก็พ่ายแพ้กันหมดแล้ว เพราะทีมน้องใหม่อย่าง เอลเช่ ที่ก่อนหน้านี้ ทำผลงานได้เซอร์ไพรส์ไรพ่าย 7 เกมติด บุกไปโดน เดปอร์ติโบ้ อลาเบส ทุบ 3-1
ทำให้ เรอัล มาดริด ภายใต้การคุมทีมของ ชาบี อลอนโซ่ นำจ่าฝูงของตารางมี 21 คะแนน จากการชนะ 7 แพ้ 8 ตามด้วย บาร์เซโลน่า 19 คะแนน
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ ลาลีกา สเปน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการแจกใบแดงเกิดขึ้นถึง 6 ใบ จาก 5 สนาม
ปิดท้ายด้วยทีมน้องใหม่อย่าง เรอัล โอเบียโด้ ที่ทะยานขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 24 ปี กลายเป็นสโมสรแรกในลาลีกาที่ตะเพิดกุนซืออย่าง เวลจ์โก้ เปาโนวิช ออกจากตำแหน่ง หลังเกมได้ 6 คะแนน จาก 8 เกม
๐ กัลโช่ เซเรียอา อิตาลี
การแข่งขันฟุตบอลกัลโช่ เซเรียอา อิตาลี ผ่านไปแล้ว 6 เกม บรรดาทีมยักษ์ใหญ่ยังคงขับเขี้ยวกันอย่างสนุก จ่าฝูงยังคงเป็นทีมแชมป์เก่าอย่าง นาโปลี ภายใต้การคุมทัพของ อันโตนิโอ คอนเต้ มี 15 คะแนน จากการชนะ 5 แพ้ 1
ราสมุส ฮอยลุนด์ ที่ย้ายออกจาก แมนฯยูไนเต็ด ด้วยจุดมุ่งหมายที่เข้ามาทดแทนการหายไปของ โรเมลู ลูกากู ทำผลงานได้น่าประทับใจ ในการรีเทิร์นเซเรียอา อีกครั้ง ซัดไปแล้ว 4 ประตู ในทุกรายการ และเพิ่งยิงประตูชัยช่วยให้ทีมเฉือน เจนัว 2-1
อีกหนึ่งทีมที่เก็บได้ 15 คะแนนเท่ากัน คือ “หมาป่าแห่งกรุงโรม” อาแอส โรม่า ที่ได้กุนซือมากประสบการณ์อย่าง จาน ปิเอโร่ กาสเปรินี่ เข้ามาคุมทีม สตาร์ท 2 เดือนแรกด้วยการชนะ 5 แพ้ 1 มี 15 คะแนน เช่นเดียวกัน
ที่เหลือถือว่าตามมาไม่ห่าง เอซี มิลาน ของ มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี รั้งอันดับ 3 มี 13 คะแนน ตามด้วย อินเตอร์ มิลาน 12 คะแนน เท่ากับ ยูเวนตุส
ส่วนทีมใหญ่ที่ผลงานน่าเป็นห่วงคือ “ม่วงมหากาฬ” ฟิออเรนติน่า จากฟลอเรนซ์ ที่ลงเล่นมา 6 เกม ยังไม่ชนะใครเลย เสมอ 3 แพ้ 3 ทำให้เก้าอี้กุนซือของ สเตฟาโน่ ปิโอลี่ เริ่มสั่นคลอน
อีก 3 ทีมที่จมท้ายตารางยังไม่ชนะใครคือ เฮลลาส เวโรน่า, เจนัว และน้องใหม่ ปิซ่า
๐ ลีกเอิง ฝรั่งเศส
ปิดท้ายกันด้วย ลีกเอิง ฝรั่งเศส ลงเล่นไปแล้ว 7 เกมในฤดูกาลนี้ จ่าฝูงยังคงเป็นแชมป์เก่าอย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ที่พ่ายแพ้ไปแล้ว มีอยู่ 16 คะแนน จากการชนะ 5 เสมอ 1 แพ้ 1
นัดล่าสุดบุกไปเสมอกับ ลีลล์ 1-1 นำก่อนจาก นูโน่ เมนเดส แต่เจอ อีธาน เอ็มบัปเป้ น้องชายของ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ทำแสบตีเสมอในช่วงท้ายเกมนาทีที่ 85
ส่วนที่ตามกันมาแบบติด ๆ คือทีมคู่ปรับตลอดกาลอย่าง โอลิมปิก มาร์กเซย ภายใต้การคุมทีมของ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ เครื่องกำลังร้อนชนะมา 4 เกมรวด มีเพิ่มเป็น 15 คะแนน ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยัง รีเทิร์นยุโรป ซัดไปแล้ว 3 ประตู พาร์ทเนอร์อย่าง เมสัน กรีนวู้ด กดไป 2 ประตู และ 3 แอสซิสต์
ทีมฟอร์มแรงที่มี 15 คะแนนเท่ากับ มาร์กเซย คือ สตราส์บรูก ทีมในเครื่อง “บูลโค” ของ “สิงห์บลูส์” เชลซี ได้รับการผ่องท้ายดาวรุ่งแววดีมาฝากเลี้ยงที่นี่ ชนะ 5 แพ้ 2
ฆัวกิน พานิเชลลี่ หอกอาร์เจนไตน์ ที่เพิ่งย้ายมาจาก อลาเบส กดไปแล้ว 5 ประตูนำดาวซัลโวของลีก เท่ากับ อันซู ฟาติ จากโมนาโก ที่กลับมาเกิดใหม่
ทางฝั่ง โอลิมปิก ลียง ก็เป็นอีกหนึ่งทีมที่ทำผลงานได้ดี มี 15 คะแนน เช่นกัน แต่น่าเสียดายพวกเขาเพิ่งสะดุดพ่ายให้กับ ตูลูส คารัง พลาดโอกาสสำคัญในการขึ้นจ่าฝูงก่อนพักเบรกทีมชาติ
สื่อเมืองน้ำหอมรายงานตรงกันว่า โมนาโก ที่รั้งอันดับ 5 มี 13 คะแนน ได้ตัดสินใจแยกทางกับ อาดี้ ฮุตเตอร์ โดยมี เซบาสเตียน โปโกโญลี่ เทรนเนอร์หนุ่มวัย 38 ปี จากอูนิยง แซงต์ ชิลลัวส์ คือแคนดิเดตเบอร์หนึ่งที่จะเข้ามาสานงานต่อ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี