วันอาทิตย์ ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แมตช์เดย์ที่ 11 ในค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน 2025 ลงเล่น 5 คู่ คู่เอก เป็นเกมบิ๊กแมตช์ในเวลา 23.30น. “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะเปิดถิ่นเอติฮัต สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือน “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล โดยมี คริส คาวานาห์ จากเกรทเตอร์ แมนเชสเตอร์ เป็นผู้ตัดสิน ส่วนหัวหน้าผู้ควบคุม VAR คือ ไมเคิ่ล โอลิเวอร์
ความพร้อมเริ่มจากเจ้าถิ่น แมนฯซิตี้ เรียกฟอร์มเก่งกลับมาด้วยการถล่ม “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มา 4-1 ก่อนหน้านี้ในลีกก็อัด เอเอฟซี บอร์นมัธ 3-1 มี 19 คะแนนในลีก จากการชนะ 6 เสมอ 1 แพ้ 3 สภาพทีมมีปัญหาจุดเดียวคือ มาเตโอ โควาซิซ ที่บาดเจ็บบริเวณข้อเท้า ส่วน อับดูโคดีร์ คูชานอฟ แนวรับอุซเบฯ ต้องรอทดสอบความฟิต ที่เหลืออยู่กันครบ อยู่ที่ว่าจะจัดทัพอย่างไรในระบบ 4-1-4-1 เพราะนักเตะในแนวรุกหลายคนกำลังอยู่ในช่วงมั่นใจ คาดว่า โรดรี้ จะกลับมาเป็นตัวจริงปักหลักหน้าแนวรับ แผงเกมรุกใช้บริการ แบร์นาร์โด้ ซิลวา, รายาน แชร์กี, ฟิล โฟเด้น และเฌเรมี่ โดกู โดยมี เออร์ลิ่ง เบร้าท์ ฮาลันด์ ที่ซัดในลีกไปแล้ว 13 ประตู ยืนเป็นหน้าเป้าล่าตาข่าย
ฝั่งผู้มาเยือน ลิเวอร์พูล ฟื้นคืนชีพจากสถานการณ์อันย่ำแย่แพ้ 6 จาก 7 เกม ก่อนจะคว้าชัย 2 นัดต่อเหนือ แอสตัน วิลล่า 2-0 และเพิ่งเฉือนเรอัล มาดริด 1-0 เก็บคลีนชีตติดต่อกันในรอบหลายเกม ปัจจุบันมี 18 คะแนนในพรีเมียร์ลีก ชนะ 6 เสมอ 4 สภาพทีมของ อาร์เน่อ ชล็อต ยังคงไม่มีนายทวารมือหนึ่งอย่าง อลิสซอน เบ็คเกอร์, เฌเรมี่ ฟริมปง และโจวานี่ เลโอนี่ ที่บาดเจ็บ ส่วน อเล็กซานเดอร์ อิซัค มีชื่อในทีมชาติสวีเดน น่าจะมีส่วนร่วมในเกมนี้ คาดว่าอาจจะปรับทีมบางตำแหน่งจากเกมยุโรป ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ อาจจะกลับไปนั่งสำรอง เปิดทางให้ โคดี้ กัคโป ได้สตาร์ทตัวจริง ที่เหนือนำโดย ไรอัน กราเฟนแบร์ช, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โดมินิค โซโบสไล และอูโก้ เอกิติเก้
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 10 เกมหลังสุด ลิเวอร์พูล ทำได้ดีกว่า ชนะ 5 เสมอ 3 และแมนฯซิตี้ ชนะ 2 โดยไม่แพ้ให้กับ ซิตี้ ในการลงเล่น 4 เกมที่ผ่านมา ฤดูกาลนี้แล้วชนะได้ทั้งไปและกลับด้วยสกอร์เดียวกัน 2-0 ส่วนผู้ตัดสินใจเกมนี้คือ คริส คาวานาห์ ในวัย 40 ปี เกิดที่ แอชตัน-อันเดอร์-ไลน์ ในเกรทเตอร์ แมนเชสเตอร์ ลงตัดสินพรีเมียร์ลีกครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายนปี 2017
ลงเป่า แมนฯซิตี้ มา 15 เกม ในทุกรายการ ชนะ 8 เสมอ 4 แพ้ 3 ไม่เคยแจกใบแดงให้ผู้เล่นซิตี้ มีแต่ใบเหลืองจำนวน 24 ใบ
ขณะที่ ลิเวอร์พูล เขาลงทำหน้าที่มากกว่าจำนวน 27 เกมในทุกรายการ ชนะ 17 เสมอ 4 แพ้ 6 ไม่เคยไล่นักเตะ ลิเวอร์พูล ออกจากสนามเช่นเดียวกัน โดยแจกใบเหลืองไป 40 ใบ ซึ่งเกมล่าสุดที่ลงตัดสิน ลิเวอร์พูล คือการบุกไปพ่ายให้กับ คริสตัล พาเลซ 2-1 เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา นำไปสู่ช่วงเวลาแห่งฟอร์มรูดมหาราช กับช่วงเวลาที่แพ้ถึง 6 จากการลงเล่น 7 เกมของทัพ “หงส์แดง”
11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามในเกมนี้ แมนฯซิตี้ (4-1-4-1): จานลุยจิ ดอมนารุมมา, มาเตอุส นูเนส, รูเบน ดิอาส, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, นิโก้ โอไรลีย์, โรดรี้, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, รายาน แชร์กี, ฟิล โฟเด้น, เฌเรมี่ โดกู และเออร์ลิ่ง เบร้าท์ ฮาลันด์
ลิเวอร์พูล (4-2-3-1): จอร์จี้ มามาร์ดาซวิลี่, คอนอร์ แบร๊ดลีย์, อิบราฮิม่า โกนาเต้, เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, ไรอัน กราเฟนแบร์ช, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โดมินิค โซโบสไล, โคดี้ กัคโป และอูโก้ เอกิติเก้
สกอร์ที่คาด: แมนฯซิตี้ 2-2 ลิเวอร์พูล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี