‘ซีเกมส์’ครั้งประวัติศาสตร์  กับตำนานประวัติศาสตร์ไทยแห่งซีเกมส์

‘ซีเกมส์’ครั้งประวัติศาสตร์ กับตำนานประวัติศาสตร์ไทยแห่งซีเกมส์

วันศุกร์ ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.
Tag :

เป็นเวลานานถึง 18 ปี ที่ประเทศไทยไม่ได้รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ หรือ The Southeast Asian Games เกมของชาวอาเซียน

ซึ่งถือเป็น “รากฐาน” สู่ “ความสำเร็จ”ในอนาคตของวงการกีฬาทั้งภูมิภาค


การแข่งขันครั้งที่ 33 นับเป็นอีกครั้งที่ประเทศไทย ได้เป็นเจ้าภาพ แต่ระยะห่างถือว่ายาวนานจากการเป็นเจ้าภาพครั้งล่าสุด นั่นคือ ปี 2007

ก่อนหน้านี้ ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพมาแล้วทั้งสิ้น 7 สมัย

เริ่มจากกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 1 ปี 1959, ครั้งที่ 4 ปี 1967, ครั้งที่ 8 ปี 1975จากนั้นในชื่อของ “กีฬาซีเกมส์” ครั้งที่ 13 ปี 1985, ครั้งที่ 18 ปี 1995, ครั้งที่ 24 ปี 2007 และครั้งนี้ปี 2025

กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 จะเปิดฉากอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 ธันวาคม 2568 ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน ชิงชัยรวม 574 เหรียญทอง จาก 50 ชนิดกีฬา 3 กีฬาสาธิตคือ กีฬาทางอากาศ, จานร่อน, ชักเย่อและ 1 กีฬาส่งเสริมมูลค่า ได้แก่ MMA

50 ชนิด ประกอบด้วย 1.ว่ายน้ำ 2.กรีฑา 3.ยิงธนู 4.แบดมินตัน 5.บาสเกตบอล 6.เรือแคนู-กรรเชียง 7.จักรยาน 8.ขี่ม้า 9.ฟันดาบ 10.ฟุตบอล 11.กอล์ฟ 12.ยิมนาสติก 13.แฮนด์บอล
14.ฮอกกี้ 15.ยูโด 16.รักบี้ 17.เรือใบ 18.ยิงปืน 19.เทเบิลเทนนิส 20.เทควันโด 21.เทนนิส 22.ไตรกีฬา 23.วอลเลย์บอล 24.มวยปล้ำ 25.ไอซ์สเก็ต 26.ไอซ์ฮอกกี้ 27.ปัญจกีฬา 28.ยกน้ำหนัก 29.เบสบอล-ซอฟท์บอล 30.บิลเลียด-สนุ้กเกอร์ 31.มวยสากล 32.ฟลอร์บอล 33.อีสปอร์ต 34.มวย 35.เนตบอล 36.ปันจักสีลัต 37.เปตอง 38.เซปักตะกร้อ 39.สควอช 40.โบว์ลิ่ง 41.เอ็กซ์ตรีม 42.คาราเต้ 43.ยูยิตสู 44.คริกเกต 45.วูซู 46.กาบัดดี้ 47.เทคบอล 48.คิกบ็อกซิ่ง 49.วู้ดบอล 50.หมากรุกสากล จะแข่งขันไปจนถึงพิธีปิดในวันที่ 20 ธันวาคม 2568 ที่สนามราชมังคลาฯเช่นเดิม

สำหรับการเป็นเจ้าภาพในปีนี้ ไทยได้กระจายการแข่งขันออกไปใน 10 จังหวัด เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วประเทศมีส่วนร่วม

3 จังหวัดหลัก เป็นศูนย์กลาง คือ กรุงเทพฯ, ชลบุรี และสงขลา(มีรายงานว่า จะย้ายการแข่งขันมาที่กรุงเทพฯ เนื่องจากเหตุการณ์น้ำท่วม)

7 จังหวัดร่วม นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ, นครปฐม, ระยอง, เชียงใหม่ และราชบุรี

จากนั้น ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน “อาเซียนพาราเกมส์” ครั้งที่ 13 จะจัดขึ้นที่ จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 20-26 มกราคม 2569 ชิงรวม 536 เหรียญทองจาก 19 ชนิดกีฬา

● หัวใจของคนไทยอยู่ที่ซีเกมส์

ความยิ่งใหญ่ที่ยังตราตรึงใจของคนไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันกับ “ซีเกมส์”นั่นคือ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวง รัชกาลที่ 9

ในการแข่งขันกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 4พ.ศ.2510 หรือ ค.ศ.1967 ที่ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ พระองค์ทรงได้รับชัยชนะร่วมกับสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ ในการแข่งขันเรือใบ ประเภท โอ.เค.

ทั้งสองพระองค์ทรงฝึกซ้อมอย่างหนักเป็นเวลานาน นับตั้งแต่ทรงเข้าร่วมคัดเลือกเป็นนักกีฬาทีมชาติร่วมกับนักกีฬาทั่วไป และ ทรงประสบชัยชนะ

เมื่อได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการแล้วทั้งสองพระองค์ ก็ได้ทรงฝึกซ้อมอยู่เสมอ ก่อนจะเริ่มแข่งขันเที่ยวแรกที่อ่าวพัทยา ในวันที่ 11 ธันวาคม 2510 ต่อด้วยวันที่ 12 และ 13 ธันวาคม แข่งขันวันละ2 เที่ยว เที่ยวเช้าเริ่ม 10.30 น. และ เที่ยวบ่ายเริ่มเวลา 15.00 น.

ผลการแข่งขันในครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรกับทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ทรงเข้าเส้นชัยด้วยการมีคะแนนเท่ากัน

คณะกรรมการจัดการแข่งขัน รวมไปถึงผู้แทนจากสหพันธ์เรือใบแห่งนานาชาติและผู้แทนชาติที่เข้าร่วมแข่งขัน อันประกอบด้วยพลเรือเอกศิริ กระจ่างเนตร ประธานที่ประชุม,มร.โจนาธาน แซมซัน ผู้แทนสหพันธ์เรือใบแข่งนานาชาติ, มร.เดวิด สัน จากมาเลเซีย มร.พอล วีเบน และ มร.ฮัน ทุน จากพม่า จึงได้เปิดประชุมกันขึ้น

หลังจากประชุมอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง จึงตกลงพร้อมกันถวายชัยชนะ อันดับที่ 1 แด่ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร และ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงอุบลรัตนฯ ทรงได้รับเหรียญทองเรือใบประเภท โอ.เค. ทั้งสองพระองค์ ส่วนตำแหน่งที่ 2 เหรียญเงิน ได้แก่ ลาซาริจากประเทศมาเลเซีย และ ที่ 3 ยัน ขิ่น จากประเทศพม่า

เคยมีกษัตริย์ทรงแข่งขันกีฬาเรือใบและได้เหรียญทอง รวมทั้งสิ้น 3 ประเทศ ประกอบด้วย นอร์เวย์, กรีซ และไทย

“ในหลวง รัชกาลที่ 9” ของเรา เป็นพระองค์เดียวจากทวีปเอเชีย ที่ทรงชนะเลิศเหรียญทอง

พร้อมกับเป็นพระองค์เดียวที่ทรงชนะเลิศเหรียญทอง จากเรือใบที่ทำขึ้นด้วยฝีพระหัตถ์ของพระองค์เอง

สำหรับพิธีมอบเหรียญรางวัล มีขึ้นในช่วงพิธีปิดการแข่งขัน ในวันที่ 16 ธันวาคมพ.ศ. 2510 ซึ่งวันนั้นได้กลายเป็นวันประวัติศาสตร์วงการกีฬาของประเทศไทย และถูกกำหนดให้เป็น วันกีฬาแห่งชาติมาจนถึงปัจจุบัน

นี่คือตำนานประวัติศาสตร์ของกีฬาที่ชื่อว่า “ซีเกมส์”

● สู่การแข่งขันครั้งประวัติศาสตร์

ซีเกมส์ในบ้านเราครั้งนี้ นอกจากจะมีครบถ้วนทั้งกีฬาสากล, กีฬาระดับชาติ, ระดับโอลิมปิก, กีฬาสาธิต และ กีฬาส่งเสริมมูลค่า

หนึ่งในกีฬาที่สำคัญอย่างมาก นั่นก็คือการแข่งขันเรือใบ ที่โอเชี่ยนมารีน่ายอร์ชคลับ จังหวัดชลบุรี

ในการแข่งขันเรือใบ ประเภท SSL47 “สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี” จะทรงเข้าร่วมการแข่งขันในฐานะตัวแทนนักกีฬาทีมชาติไทย

ในส่วนของกีฬาเรือใบ จะทำการแข่งขันจำนวน 8 ประเภท ประกอบด้วย Optimist, ILCA 4 ชาย, ILCA 4 หญิง, ILCA 6 ชาย, ILCA 6 หญิง, 420 และ470 ทำการแข่งขันที่ศูนย์สมุทรกีฬา ระหว่างวันที่ 9-14 ธันวาคม 2568 และประเภท SSL 47 ทำการแข่งขันที่โอเชี่ยนมารีน่ายอร์ชคลับ ระหว่างวันที่ 15-18 ธันวาคม 2568 โดยปัจจุบัน มีความพร้อม ทั้งในส่วนของสนามแข่งขัน, สถานที่ในการรองรับนักกีฬาและผู้ที่เกี่ยวข้องแบบร้อยเปอร์เซ็นต์

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีนารีรัตนราชกัญญา ทรงแข่งขันขี่ม้า ในประเภทศิลปะบังคับม้า (Dressage)

พระองค์เพิ่งจะคว้าเหรียญทอง ศิลปะบังคับม้า (Dressage) ประเภททีมในการแข่งขันขี่ม้าชิงแชมป์เอเชีย ครั้งที่ 2 รายการ “FEI Asian Championships Pattaya 2025” โดยสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน สนาม ไทยโปโล แอนด์ อีเควสเทรียน คลับ พัทยา เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา อีกด้วย

นี่คือความพิเศษของซีเกมส์ครั้งนี้อย่างแท้จริง

● มุ่งหน้าสร้างความสำเร็จ

ตลอด 33 ครั้งที่ผ่านมา ประเทศไทย ครองความเป็นเจ้าเหรียญทองมาแล้วทั้งสิ้น 13 สมัย

อย่างไรก็ตาม การแข่งขัน 4 ครั้งหลังสุดไทยเราไม่สามารถก้าวขึ้นเป็นเจ้าเหรียญทองได้อีกเลย นับตั้งแต่ยืนหนึ่งในการแข่งขันปี 2015 ที่ประเทศสิงคโปร์

จากนั้นเจ้าเหรียญทองเป็นของ มาเลเซีย ปี 2017, ฟิลิปปินส์ ปี 2019 และสองสมัยหลังสุด แชมป์คือ เวียดนาม ปี 2021(แข่งปี 2022) และ 2023

ซึ่งในการแถลงข่าว “มีต เดอะ เพรส ซีเกมส์ 2025” โดยสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย นั้น 50 สมาคมกีฬา ตั้งเป้ารวม 241 เหรียญทอง

ทัพไทยจะทำได้หรือไม่นั้นน่าติดตามยิ่ง

ซึ่งในการแข่งขันครั้งนี้ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด หรือ ซีพี พร้อมบริษัทในเครือ ได้แก่ ซีพีเอฟ, ซีพี ออลล์,ซีพี แอ็กซ์ตร้า, ทรู คอร์ปอเรชั่น, ทรูวิชั่นส์,ทรูมันนี่ และอเมซ (Amaze Super App)ทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ (Group Main Sponsor)การจัดการแข่งขัน ซีเกมส์ และอาเซียนพาราเกมส์ ตอกย้ำบทบาทของภาคเอกชนไทยที่มีนโยบายสนับสนุนด้านการกีฬามาอย่างต่อเนื่อง

โดยกิจกรรม “วิ่งอัญเชิญไฟพระฤกษ์”เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา บัวขาว บัญชาเมฆ นักมวยขวัญใจชาวไทย ทำหน้าที่ผู้แทนเครือเจริญโภคภัณฑ์ในการถือคบเพลิงในไม้ที่ 4 นำขบวนผู้บริหารเครือซีพี นำโดย ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ ประธานคณะผู้บริหารด้านความยั่งยืนองค์กรและการพัฒนากลยุทธ์ สร้างความประทับใจ และถ่ายทอดพลังสามัคคี รวมไปถึงความภาคภูมิใจของคนไทยในฐานะเจ้าภาพ

ร่วมกันเชียร์ให้ทัพนักกีฬาไทย กลับไปเป็น “หมายเลข 1” ของภูมิภาคอาเซียนกันอีกครั้ง

กับการได้เล่นในบ้านที่จะเป็นทั้งผู้ชนะที่ดี และเจ้าภาพที่ยอดเยี่ยม

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top