ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันเสาร์ที่ขยับเวลาขึ้นมา 22.00น. “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะเปิดบ้านดวล “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด โดย แมนฯซิตี้ มีโอกาสที่จะแซงขึ้นนำจ่าฝูงแบบชั่วคราว หากสามารถเก็บ 3 คะแนนในเกมนี้ ก่อนที่ อาร์เซน่อล จะลงเล่นในช่วงเวลา 03.00น. 


ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้ง ชนะ 6 เกมติดในทุกรายการ ล่าสุดเปิดบ้านต้อน “ผึ้งน้อย” เบรนท์ฟอร์ด 2-0 ในบอลถ้วยคาราบาว คัพ สภาพทีมไม่มี รายาน เอท-นูริ และโอมาร์ มาร์มูช ที่ไปรับใช้ทีมชาติ รวมไปถึง ออสการ์ บ็อบบ์ ที่เดี้ยงในเกมล่าสุดสมทบกับ เฌเรมี่ โดกู, โรดรี้ และมาเตโอ โควาซิซ ส่วน จอห์น สโตนส์ ต้องรอทดสอบความฟิต  รายาน แชร์กี ทำเกมรุกกับ ฟิล โฟเด้น ป้อนบอลให้หน้าเป้าอย่าง เออร์ลิ่ง เบร้าท์ ฮาลันด์ 


ทางฝั่ง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต ไม่ชนะใครมา 5 เกมติด เสมอ 3 แพ้ 2 กลางสัปดาห์ไม่มีโปรแกรมได้พักมาเต็ม ๆ เกมนี้จะขาดฟูลแบ็กสองฝั่งอย่าง เอล ฮัดจิ มาลิค ดิยุฟ และแอรอน วาน-บิสซาก้า ติดภารกิจทีมชาติในศึกแอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์ ส่วน นิคคลาส ฟืลล์ครึก ต้องทดสอบความฟิต นอกนั้นไม่มีปัญหาอะไร 


สถิติการพบกันของทั้งสองทีม แมนฯซิตี้ เหนือกว่าเยอะ ไม่แพ้ให้กับ เวสต์แฮม มา 8 เกมติด ชนะได้ถึง 7 และเสมอ 1  
                   
สกอร์ที่คาด: แมนฯซิตี้ 3-1 เวสต์แฮม ยูไนเต็ด      


ขยับมาที่เวลา 00.30น. กับเกมบิ๊กแมตช์เป็นศึกสัตว์ปีก “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จะยกพลออกไปเยือน “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ความพร้อมเริ่มจากเจ้าถิ่น ยังมีแค่ 22 คะแนน รั้งอันดับ 11 ของตาราง กุนซือ โธมัส แฟรงค์ กำลังถูกวิจารณ์อย่างหนัก สภาพทีมเจอปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงานแถม ป๊าป มาตาร์ ซาร์ และอิฟส์ บิสซูม่า ไปรับใช้ทีมชาติ มีโอกาสที่ ลูคัส เบิร์กวัลล์ จะได้สตาร์ทตัวจริง เนื่องจาก ชูเอา ปาลินญ่า และโรดริโก้ เบนตานคูร์ เริ่มแผ่วให้เห็น แนวรุกใช้ชุดเดิม นำโดย โมฮาเหม็ด คูดูส, ซาฟี่ ซิม่อนส์, ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ และริชาร์ลิซอน 

ฝั่งผู้มาเยือน ลิเวอร์พูล เริ่มกลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้ง หลังไม่แพ้ใครมา 5 เกมติด ชนะ 3 เสมอ 2 ล่าสุดเปิดบ้านต้อน “นกนางนวล” ไบรท์ตัน มา 2-0 มี 26 คะแนน ขึ้นมารั้งอันดับ 7 ของตาราง เกมนี้ไม่มี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ไปรับใช้ทีมชาติอียิปต์ ส่วน โจวานนี่ เลโอนี่, โคดี้ กัคโป, วาตารุ เอ็นโดะ และโจ โกเมซ ที่บาดเจ็บ ข่าวดีคือได้ คอนอร์ แบร๊ดลีย์ พ้นโทษแบนกลับมา ในรายของ เฌเรมี่ ฟริมปง กลับมาซ้อมแล้ว แต่ต้องรอทดสอบความฟิต โดยมี ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ยืนเป็นเพลย์เมกเกอร์อยู่ด้านหลังคู่หัวหอก อเล็กซานเดอร์ อิซัค และอูโก้ เอกิติเก้ ซึ่งฤดูกาลที่แล้วเผชิญหน้ากันถึง 4 เกม “หงส์แดง” ชนะ 3 “ไก่เดือยทอง” ชนะ 1   
                   
สกอร์ที่คาด: ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ 2-2 ลิเวอร์พูล 


ปิดท้ายด้วยคู่ดึกสุด ลงเล่นในเวลา 03.00น. ไปกันที่ ฮิลล์ ดิ๊กกิ้นส์สัน สเตเดี้ยม “ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน จะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือน “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ซึ่งภาพรวมถึงว่าทำผลงานได้ 6 เกมหลังสุด ชนะ 4 แพ้ 2 ล่าสุดบุกไปพ่ายให้กับ “สิงห์บลูส์” เชลซี 2-0 เกมนี้ขาดสองแกนหลักอย่าง อิดริสซ่า กาน่า เกย์ และอิลิมาน เอ็นดิอาย ที่ไปรับใช้ทีมชาติเซเนกัล รวมไปถึง เซมุส โคลแมน, จาร์ร็อด แบรนธ์เวต, เคียร์แนน ดิวส์บิวรี่-ฮอลล์ และเมอร์ลิน โรห์ล ที่บาดเจ็บ ส่วน แจ็ค กรีลิช น่าจะผ่านความฟิตออกสตาร์ทเป็นตัวจริงประสานงานกับ ทิม อิโร๊คบูนัม, เจมส์ การ์เนอร์, ไทเลอร์ ดิ๊บลิ่ง, คาร์ลอส อัลคาราซ และเธียร์โน่ บาร์รี่ 


ทีมเยือน อาร์เซน่อล มี 36 คะแนน จากการชนะ 11 เสมอ 3 แพ้ 2 ล่าสุดเปิดบ้านเฉือน “หมาป่า” วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-1 ถือว่ามีโชคคู่แข่งทำเข้าประตูตัวเองทั้งสองลูก และประตูชัยเกิดขึ้นในช่วงทดเวลาบาดเจ็บด้วย เกมนี้ไม่มี คริสเตียน มอสเกร่า, กาเบรียล มากัลเญส, ไค ฮาแวร์ตซ์ และเบน ไวท์ ที่บาดเจ็บ ข่าวดีคือการได้ ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ พ้นโทษแบนกลับมา เชื่อว่าลงตัวจริงทันที อาจจะมีปรับทัพ ส่ง มาร์ติน โอเดการ์ด ลงปั้นเกมรุก มี มาร์ติน ซูบีเมนดี้ และเดแคลน ไรซ์ คอยคุมจังหวะเกม โดย 5 เกมหลังสุด อาร์เซน่อล ไม่แพ้เลย ชนะ 3 เสมอ 2 ซึ่งผลเสมอเกิดขึ้นเมื่อฤดูกาลที่แล้ว 
                           
สกอร์ที่คาด: เอฟเวอร์ตัน 1-2 อาร์เซน่อล