พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กับ ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ทำพิธีเปิดสนามมวยเวทีลุมพินีแห่งใหม่เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา
ผ่านไปด้วยความเรียบร้อยสำหรับการทำพิธีเปิดสนามมวยแห่งใหม่ของเวทีมวยลุมพินีหรือที่แฟนมวยเรียกชื่อว่า”วิกสังกะสี” บนที่ดินของศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบกถนนรามอินทราเขตบางเขน กรุงเทพมหานคร เมื่อวันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ผ่านมา สนามมวยลุมพินีนั้นเป็นสนามมวยมาตรฐานแห่งที่ 2 ของประเทศไทยต่อจากสนามมวยมาตรฐานแห่งแรกคือสนามมวยเวทีราชดำเนินหรือวิกคอนกรีตของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่เปิดดำเนินงานเมื่อปี2488
กีฬามวยไทยนั้นเป็นศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวเป็นมรกดทางวัฒนธรรมประจำชาติมาหลายร้อยปีแต่ยังไม่มีการจัดแข่งขันอย่างแพร่หลายเป็นระบบเช่นในปัจจุบัน นักมวยไทยสมัยก่อนจะมีโอกาสได้โชว์ฝีมือก็ต่อเมื่อมีงานนักขัตฤกษ์ประจำปีและไม่ได้ยึดเอาการชกมวยเป็นอาชีพ แต่ชายไทยส่วนใหญ่ที่นิยมฝึกฝนมวยไทยก็เพื่อใช้เป็นวิชาป้องกันตัวต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงฟื้นฟูมวยไทยให้เป็นกีฬา โดยโปรดเกล้าฯให้สร้างสนามมวยขึ้นภายในบริเวณโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และจัดให้มีการแข่งขันชกมวยทุกวันเสาร์ตั้งแต่ปี 2464
หลังจากนั้นได้มีการจัดสร้างสนามมวยถาวรขึ้นติดต่อกันมาหลายสนามอาทิเช่นสนามสวนกุหลาบ ,สนามท่าช้าง,สนามหลักเมือง,สนามสวนเจ้าเชตุ,สนามท่าพระจันทร์,เวทีพัฒนากร,เวทีศรีอยุธยา,เวทีธนบุรี ,สนามมวยเวทีราชดำเนินและสนามมวยเวทีลุมพินี สนามมวยในอันดับต้น ๆ เปิดดำเนินการอยู่ได้ไม่นานนัก ก็มีอันต้องยุบเลิกไปด้วยเหตุผลและความจำเป็นทางเศรษฐกิจ
พล.อ. ประยุทธ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ทำพิธีบวงสรวงศาลพระพรหมที่ตั้งของสนามมวยเวทีลุมพินีแห่งใหม่
แต่ที่คงทนจนถึงปัจจุบัน คือสนามมวยเวทีราชดำเนินซึ่งเปิดเวทีชกเก็บเงินค่าดูในวันที่ 23 ธันวาคม 2488 และสนามมวยเวทีลุมพินีที่มีอายุ57ปีที่เปิดแข่งขันครั้งแรก เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2499 ตามหลักฐานที่เป็นทางการ สนามมวยเวทีลุมพินี ได้สร้างชื่อเสียงทั้งในด้านการเสริมสร้างและผลิตนักมวยไทยชั้นนำของประเทศ ส่งเสริมศิลปะมวยไทยให้แพร่หลายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนสร้างนักชกสากลจนเป็นแชมป์โลกหลายคน และมีส่วนส่งเสริมธุรกิจภายในประเทศด้วยการสร้างอาชีพให้แก่นักมวย ค่ายมวย ผู้จัดรายการรวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวให้ชาวต่างประเทศเข้ามาชมศิลปะมวยไทยอย่างมากมาย
สนามมวยลุมพินีเดิมมีพื้นที่ 3 ไร่ 3 งานโดยเช่าที่ดินจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ผู้ก่อตั้งคือจอมพลประภาส จารุเสถียรอดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการทหารบกในขณะที่ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ในขณะนั้น ต่อมาปี 2555 สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน มีแผนงานการพัฒนาที่ดินบริเวณถนนพระราม 4ให้ใช้ประโยชน์ในเชิงธุรกิจอย่างเต็มความสามารถของพื้นที่ ด้วยการจัดทำโครงการขนาดใหญ่ จึงได้ขอให้สนามมวยเวทีลุมพินีซึ่งเช่าพื้นที่ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์แบบปีต่อปี ย้ายไปที่ตั้งแห่งใหม่
สภาพที่ตั้งเวทีมวยในสนามมวยเวทีลุมพินีใหม่ที่มีเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำที่มีค่าไฟฟ้าวันละ 5 พันบาท
ทางพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกคนปัจจุบันท่านจึงได้อนุมัติให้ใช้พื้นที่ศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบกถนนรามอินทราพื้นที่ 6 ไร่ 2 งาน เป็นที่ก่อสร้างเวทีลุมพินีแห่งใหม่ โดยได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อ เดือนสิงหาคม 2555 และทำพิธีเปิดสนามมวยแห่งใหม่เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557 วัตถุประสงค์ของการตั้งสนามมวยนั้นมีดังนี้คือ สนามมวยเวทีลุมพินี เป็นกิจการของกองทัพบก เพื่อเป็นสวัสดิการของข้าราชการกองทัพบกและสนับสนุนหน่วยต่าง ๆ ในกองทัพบก ผดุงและส่งเสริมศิลปะมวยไทยให้เป็นเอกลักษณ์ของคนไทย . สร้างอาชีพให้แก่นักมวยไทยและสากล ให้เป็นอาชีพที่มั่นคงประเภทหนึ่ง สร้างนักมวยแชมป์โลก เพื่อส่งเสริมเกียรติภูมิของชาติไทยและ ร่วมมือกับสถาบันอื่น ๆ ที่มีวัตถุประสงค์อย่างเดียวกัน
นายสนามมวยเวทีมวยลุมพินีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันมี19 คนดังนี้คือพลตรีเอิบ แสงฤทธิ์,พลเอกเทพ กรานเลิศ,พลจัตวาขุนชิดผะดุงพล,พลเอกประเสริฐ ธรรมศิริ,พลตรีทองเติม พบสุข,พลตรีชาย ดิษยเดช,พลโทอัสนี สมุทรเสน,พลโทสวัสดิ์ ศิริผล,พลเอกทวีวิทย์ นิยมเสน,พลเอกชลอ คงสุวรรณ,พลโทวรพงศ์ สังวราชทรัพย์ ,พลเอกวัฒน์ เกิดสว่าง,พลเอกวันชัย นิลเขียว,พลโทอนันต์ศักดิ์ ลักษณละม้าย,พลโทไพโรจน์ รัฐประเสริฐ,พลเอกกิตติทัศน์ บำเหน็จพันธุ์,พลเอกธีระ ไกรพานนท์,พลโทเฉลิมเกียรติ โพธิ์ทองนาคและพลตรีสุรไกร จัตุมาศ
สภาพภายในของสนามมวยเวทีลุมพินีขณะที่มีแฟนมวยเข้าชม
การบริหารงานของเวทีมวยลุมพินีเดิมนั้นอยู่ในความดูแลของกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ภายใต้กำกับของกองทัพภาคที่ 1 อีกทอดหนึ่งซึ่งในอดีตนั้นกองทัพบกได้มอบหมายให้กองทัพภาครวมไปถึงมณฑลทหารบกและจังหวัดทหารบกต่างๆจัดตั้งเวทีมวยหรือสนามมวยได้โดยขออนุญาตจากกระทรวงมหาดไทยเพราะสนามมวยเป็นสถานที่เปิดให้มีการเล่นพนันได้นั่นเอง ต่อมากองทัพบกได้โอนกิจการสนามมวยเวทีลุมพินีให้อยู่ในความดูแลของกรมสวัสดิการทหารบก นายสนามมวยจึงเป็นเจ้ากรมสวัสดิการทหารบกตั้งแต่นั้นมาแทนที่จะเป็นผบ.กองพลที่ 1 รักษาพระองค์หรือผู้แทน
คณะกรรมการบริหารชุดปัจจุบันมีพลเอกประยุทธ จันทร์โอชาเป็นประธานพลตรีสุรไกร จตุมาศเป็นนายสนาม พ.อ.สุรินทร์ จันทร์เทศและพ.อ.นรชัย ภวเวช รองนายสนาม พ.อ.ศุภณัฐ แก้วหิรัญและพ.อ.ธเนศ จุ้ยเจริญเป็นผู้ช่วยนายสนาม พ.อ.วสันต์ พึ่งสำเภาเลขาธิการสนามมวย พล.ท.นพ.ยุทธศักดิ์ ธนธนิตหัวหน้าฝ่ายแพทย์สนาม พ.อ.กฤษดา จินดาลัทธ หัวหน้าฝ่ายเทคนิค พ.อ.สรรค์พร พงศบุตรหัวหน้าฝ่ายจัดรายการ พ.อ.ธวัชชัย ศิริปรุหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ พ.อ.สมภพ ศรีศิริหัวหน้าฝ่ายสิทธิประโยชน์และต่างประเทศพ.อ.มงคล บุตรดาวงษ์หัวหน้าฝ่ายธุรการพ.อ.สุดเขตต์ ชื่นภิรมย์หัวหน้าฝ่ายพิจารณาโทษและปราบมวยล้มพ.อ.เลิศชาย เจตะสานนท์ประธานผู้ตัดสินและพ.อ.จตุพร ดิสราพรหัวหน้าฝ่ายการเงิน
พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.กับพล.อ. อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ. ร่วมเปิดร้านกาแฟแบล็คแคนย่อนสาขาสนามมวยเวทีลุมพินีใหม่ที่มีไว้เพื่อรองรับแฟนมวยทั้งไทยและต่างประเทศ
เวทีมวยลุมพินีเก่านั้นจัดไฟต์สุดท้ายของวิกสังกะสีไปเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2557 โดยเป็นรายการของโปรโมเตอร์วิรัตน์ วชิรรัตนวงศ์แห่งศึกเพชรยินดีและมาเริ่มจัดไฟต์แรกของเวทีใหม่ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2557 ด้วยโปรโมเตอร์ศึกเกียรติเพชร “ชุ้น” พีรพงศ์ ธีระเดชพงษ์ ส่วนศึกมวยใหญ่ในวันทำพิธีเปิดสนามมวยแห่งใหม่อย่างเป็นทางการคือศึกเพชรยินดีของโปรโมเตอร์วิรัตน์ วชิรรัตนวงศ์
เวทีลุมพินีมีตำนานที่เกี่ยวกับวงการมวยไทยมากมายเป็นเวทีที่ร่วมเขียนประวัติศาสตร์แชมป์โลกคนแรกของไทย เมื่อ โผน กิ่งเพชรชนะคะแนน ปาสกาล เปเรซ ยักษ์แคระจากอาร์เจนติน่าเมื่อวันที่ 16 เมษายน2503 ซึ่งโผนหรือนายมานะ ศรีดอกบวบชาวอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ซึ่งเป็นแชมป์โลกมวยสากลคนแรกของไทยมาได้แชมป์โลกที่เวทีมวยลุมพินี วิกสังกะสีสร้างชื่อในยุคแรกๆโดยฝีมือของ”ครูเฒ่า”ชนะ ทรัพย์แก้วโปรโมเตอร์ที่มาจากครูมวยและนักวิจารณ์มวย เมื่อหมดยุคของ”ครูเฒ่า” ไปแล้วก็มาถึงยุคของอดีตบุรุษไปรษณีย์จากฉะเชิงเทรา ที่มีชื่อว่าทรงชัย รัตนสุบรรณ ที่อาสาเสนอตัวเข้ามาเป็นโปรโมเตอร์ซึ่งภายหลังเขาได้ชื่อว่าเป็นโปรโมเตอร์มหาชน
อาคารสนามมวยเวทีลุมพินีแห่งใหม่ขนาดกระทัดรัดพร้อมรองรับแฟนมวย
ในช่วงนี้เองที่สนามมวยลุมพินีจัดเก็บค่าผ่านประตูได้มากถึง 3 ล้านบาทมีผู้ชมมากกว่า10,000 คน เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2532 คู่เด่นวันนั้นคือการชกกันของ พงษ์ศิริ พ.ร่วมฤดี กับ ไพโรจน์น้อย ส.สยามชัย ปัจจุบันสนามมวยเวทีลุมพินี จัดให้มีมวยชกทุกวันอังคารและวันศุกร์ตั้งแต่เวลา 18.00-22.00 น. และวันเสาร์เวลา 17.00-24.30 น. โดยวันเสาร์จะจัดเป็น 2 รอบคือรอบบ่ายและรอบค่ำ
ปัจจุบันเวทีมวยลุมพินีมีโปรโมเตอร์รวมทั้งสิ้น 13 คนได้แก่วิรัตน์ วชิรรัตนวงศ์,ปิยะรัตน์ วชิรรัตนวงศ์,วิชิต ไพรอนันต์,ประมุข โรจนตัณฐ์,บรรจง บุษราคัมวงษ์,ประดิษฐ์ สฤษดิ์อภิรักษ์,พีรพงศ์ ธีระเดชพงษ์,สมเกียรติ ไตรพัฒนาพร,สุรพล นราตรีกุล,สมบูรณ์ นิรุตติเมธี,วีระพล แป้นช่วย,พ.ต.อ.สุขทัศน์ พุ่มพันธุ์ม่วงและพันจ่าอากาศเอกอัทธ์พงศ์ อ่ำอนันต์
อาคารจอดรถขนาด 5 ชั้นของสนามมวยเวทีลุมพินีรามอินทรา
เมื่อวันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์เวลา 08.15 น. พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกได้เดินทางไปเป็นประธานเปิดสนามมวยเวทีลุมพินีแห่งใหม่ที่ ถนนรามอินทรา กม.2 อย่างเป็นทางการโดยเริ่มจากสักการะศาลพระพรหม, ศาลพระภูมิชัยมงคล กับ ศาลตาศาลยาย ร่วมกับ ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผอ.สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ โดยมี พล.ต.สุรไกร จัตุมาศ นายสนามมวยเวทีลุมพินีให้การต้อนรับพร้อมกับมีผู้บริหารระดับสูงของเวทีรวมไปถึงอดีตนายสนามกับแขกผู้มีเกียรติร่วมงานอย่างคับคั่ง
หลังจากนั้น ผบ.ทบ. กับ ผอ.สำนักงานทรัพย์สินฯ ได้ร่วมลงนามในเอกสารส่งมอบอาคารสนามมวยเวทีลุมพินี ที่บริเวณชั้น 1 ของอาคารสำนักงาน ก่อนที่จะมีการทำพิธีทำบุญเปิดสนาม ในเวลา 09.00 น. หลังจากเสร็จพิธีทางสงฆ์ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.กับ ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผอ.สำนักงานทรัพย์สินฯ ได้ร่วมกันขึ้นเวทีมวย โดยทาง ผบ.ทบ.ลั่นระฆังเปิดสนามมวยเวทีลุมพินีอย่างเป็นทางการโดยมีวงดุริยางค์จากกรมสวัสดิการทหารบกเป่าแตรฟันฟาท่ามกลางบรรยากาศแสงสีเสียงยิ่งใหญ่อลังการเป็นเวลากว่า 2 ชม. จึงได้เดินทางกลับ
ด้านหน้าของสนามมวยเวทีลุมพินีแห่งใหม่
ห้องประชุมคณะกรรมการต่างๆภายในสนามมวยเวทีลุมพินีใหม่ที่โอ่อ่าสมฐานะ
เวทีมวยลุมพีนีแห่งใหม่แบ่งเป็น 3 อาคารหลัก อาคารสนามมวยเวทีลุมพินี อาคารสำนักงานสนามมวยและอาคารที่จอดรถ 5 ชั้น อยู่ในพื้นที่ 6 ไร่ 2 งานหรือ 2,600 ตารางวา สนามใหม่นี้มีความจุน้อยกว่าสนามเดิมคือจุคนดูทั้ง 3 ชั้นได้ 5,000 ที่นั่งเป็นสนามที่มีระบบปรับอากาศทั้งฮอลล์เหมือนสนามมวยราชดำเนินแต่มีความใหม่ทันสมัยมากกว่าเก็บค่าชมชั้น3ในอัตรา300 บาทชั้นสอง 600 บาทริงค์ไซด์ 1,200 บาทและชาวต่างประเทศ 2,000 บาท ถ้าเป็นศึกยิ่งใหญ่ค่าชมจะอยู่ในอัตรา 500 บาท 1พันบาท 2 พันบาทและ4พันบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี