สาร ฯพณฯ แสง สุขะทิวง
เอกอัครรัฐทูตวิสามัญ ผู้มีอำนาจเต็ม
แห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประจำราชอาณาจักรไทย
ในวาระโอกาสเฉลิมฉลองวันสถาปนา สปป. ลาว ครบรอบ 45 ปี
(วันชาติ 2 ธันวาคม 2563)
2 ธันวาคม - เป็นวันที่มีความหมายสำคัญในประวัติศาสตร์ของชาติลาว และ เป็นวันที่ปวงชนชาวลาวทุกชนเผ่าทั่วประเทศ ภายใต้การนำพาอันปรีชาสามารถของพรรคประชาชนปฏิวัติลาว ได้ดำเนินการต่อสู้อย่างแกร่งกล้าต้านกับการรุกรานของพวกล่าเมืองขึ้น ทั้งแบบเก่าและแบบใหม่มาเป็นเวลายาวนานหลายทศวรรษ ถึงได้รับชัยชนะและสถาปนาเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในวันที่ 2 ธันวาคม 2518 ในวันนี้พรรครัฐบาล และปวงชนชาวลาวทุกชนเผ่าทั่วประเทศ มีความภาคภูมิใจเฉลิมฉลองครบรอบ 45 ปี วันชาติ 2 ธันวาคม ด้วยบรรยากาศที่คึกคัก
นับแต่ประเทศชาติได้รับการปลดปล่อยมาถึงปัจจุบัน พรรคและรัฐบาลได้นำพาปวงชนชาวลาวทั้งชาติดำเนินสองหน้าที่ยุทธศาสตร์ เพื่อปกป้องรักษาและพัฒนาประเทศชาติให้ก้าวไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ร่วมแรงร่วมใจกันเป็นก้อนกำลังที่แข็งแกร่ง โดยได้ผ่านฝ่าอุปสรรคและสิ่งท้าทายนานาประการ ซึงสามารถปกป้องรักษาประเทศให้มีเสถียรภาพทางด้านการเมือง สังคมมีความปรองดองและชีวิตการเป็นอยู่ของประชาชนทุกชนเผ่าได้รับการปรับปรุงและพัฒนาให้ดีขึ้นเป็นก้าวๆ มา
ปี 2563 เป็นระยะสุดท้ายของการปฏิบัติแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 5 ปี ครั้งที่ 8ซึ่งบรรลุผลดังต่อไปนี้: การเติบโตผลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในต่อคน (GDP per capita) สูงถึง 2,742 ดอลลาร์สหรัฐ เปรียบเทียบกับปี 2015 ถึง 1,970 ดอลลาร์สหรัฐต่อหัว แขนงอุตสาหกรรมและการค้าในช่วงปี 2559 - 2563 ขยายตัวเฉลี่ย 9.2% ต่อปี โดยกลุ่มที่โดดเด่นที่สุดคือการผลิตอาหาร ชิ้นส่วนยานพาหนะและผลิตภัณฑ์จากแร่ธาตุต่างๆ
สปป.ลาวมีศักยภาพด้านการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำโดยมีเขื่อนไฟฟ้า 78 แห่ง มาถึงปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวม 9,972 เมกะวัตต์ ปัจจุบัน เขื่อนแม่น้ำโขงที่จังหวัดไซยะบุรี ซึ่งถือเป็นเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศได้รับการออกแบบตามมาตรฐานสากลและมีกำลังการผลิต 1,285 เมกะวัตต์ ที่เปิดการนำใช้ในปี 2562 และสร้างรายได้มากกว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ, ได้มีการส่งออกไฟฟ้า 1,430 ล้านกิโลวัตต์/ชั่วโมง คิดเป็นมูลค่าประมาณ 70 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีการส่งออกไปยังประเทศไทย, กัมพูชา, เมียนมา, มาเลเซียและเวียดนาม รัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว Electricite du Laos (EDL) มีแผนจะส่งออกพลังงานไฟฟ้า 3,575 ล้านกิโลวัตต์/ชั่วโมง ภายในปี 2563 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 6,017 ล้านกิโลวัตต์/ชั่วโมงภายในปี 2568
สปป.ลาว มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ, ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมหลายแห่งรวมถึงแหล่งมรดกโลก 3 แห่ง ได้แก่ หลวงพระบาง,วัดภูจำปาสัก และทุ่งไหหิน ในจังหวัดเชียงขวาง ในขณะเดียวกันเสียงแคนลาวได้รับการรับรองให้เป็นมรดกโลกในปี 2560 ปัจจุบันภูหินหนามหน่อในเมืองบัวละพา จังหวัดคำม่วน อยู่ในขั้นตอนเสนอยูเนสโกพิจารณาให้การรับรองเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ
นอกจากความสำเร็จของด้านพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจแล้ว สปป.ลาว ยังได้เผชิญกับปัญหาหลายประการ เช่น การระบาดของไวรัสโควิด-19 และภัยธรรมชาติ ซึ่งส่งผลร้ายแรงต่อการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและการดำรงชีวิตของประชาชน
พรรคและรัฐบาลแห่ง สปป.ลาว ได้ดำเนินนโยบายการต่างประเทศ:สันติภาพ เอกราชมิตรภาพและความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันผ่านการเคลื่อนไหวที่แข่งขันของพรรคและรัฐบาล ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ยังผลทำให้ความสัมพันธ์ฉันมิตรและความร่วมมือทางทวิภาคีและพหุภาคีขยายตัวและฐานะบทบาทของ สปป.ลาว ก็สูงเด่นขึ้นในเวทีภูมิภาคและระดับโลก ปัจจุบัน สปป.ลาว มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับ 143 ประเทศ และมีสถานทูตทั้งหมด 41 แห่งใน 27 ประเทศ มีสำนักงานผู้ต่างหน้าถาวร 3 แห่ง สถานกงสุลใหญ่10 แห่ง และสำนักงานกงสุล 1 แห่ง เมื่อเทียบระยะปี 2518 สปป.ลาว มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับ 44 ประเทศเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งสมาคมมิตรภาพกับ 18 ประเทศ และมีข้อตกลงการยกเว้นวีซ่าทางการทูตและทางการกับ 37 ประเทศ ข้อตกลงการยกเว้นวีซ่าทวิภาคีสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดากับ 11 ประเทศ และมีด่านระหว่างประเทศ 28 แห่ง
สปป.ลาว เป็นสมาชิกขององค์กรระหว่างประเทศมากกว่า130 องค์กร รวมถึง UN, WTO, UNESCO, NAM, ASEAN,ACMACS, CLMVT และอื่น ๆ...
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและราชอาณาจักรไทย ได้สร้างสายสัมพันธ์ทางการทูตในวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2493 นับตั้งแต่มีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ความสัมพันธ์ฉันมิตรและความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ซึ่งเป็นประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงที่มีพรมแดนติดต่อกัน ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ มีประเพณี วัฒนธรรม ภาษา ศาสนา และวิถีการดำรงชีวิตที่คล้ายกันมาแต่บูรณาการนั้น ได้มีการสืบสานอย่างต่อเนื่อง โดยทั้งสองฝ่ายได้มีการแลกเปลี่ยนการเยี่ยมเยือนสันถวไมตรีซึ่งกันและกัน ทั้งในระดับประมุขรัฐรัฐสภา รัฐบาล นักธุรกิจและประชาชนด้วยกัน นอกจากนั้น ทั้งสองประเทศยังมีกลไกความร่วมมือสองฝ่าย เช่น คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือลาว-ไทย ไทย-ลาว คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมลาว-ไทย ไทย-ลาว คณะกรรมาธิการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามเขตแดนทั่วไปลาว-ไทย ไทย-ลาว คณะเจ้าแขวง/ผู้ว่าราชการจังหวัด ลาว-ไทย ไทย-ลาว สมาคมลาว-ไทย ไทย-ลาว เพื่อมิตรภาพ และอนุกรรมการอื่นๆ พร้อมนี้ยังมีการไปมาหาสู่ระหว่างประชาชนด้วยกันตามเขตแดนสองประเทศ เพื่อร่วมกันฉลองงานบุญประเพณีงานวรรณกรรม งานทอดกฐิน ผ้าป่าสามัคคี และกิจกรรมอื่นๆ
ปัจจุบัน การลงทุนของไทยใน สปป. ลาว เป็นอันดับ 2 รองจากจีนโดยมีทั้งสิ้น 673 โครงการ มูลค่า 7.5 พันล้านล้านดอลลาร์สหรัฐทั้งสองประเทศได้สร้างสะพานมิตรภาพข้ามแม่น้ำโขงไปแล้ว 4 แห่งและวางแผนที่จะสร้างสะพานมิตรภาพลาว - ไทย แห่งที่ 5 ระหว่างปากซัน - บึงกาฬ และแห่งที่ 6 ระหว่างสาละวัน - อุบลราชธานี ในขณะเดียวกันถนนหมายเลข 4B จากเมืองหงสา จังหวัดไซยะบูรี ไปยังเมืองจอมเพชร จังหวัดหลวงพระบางของประเทศลาว เป็นอีกหนึ่งโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลสองประเทศของลาวและไทยซึ่งเปิดให้บริการในปี 2562 เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนในสองประเทศเดินทางไปมาหาสู่กันได้ง่ายขึ้น การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งจึงเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการขนส่งสินค้าและการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ ภูมิภาค ดังนั้น ความร่วมมือเพื่อพัฒนาถนนเชื่อมต่อกับสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม บนถนนหมายเลข 12 และกับประเทศจีน บนเส้นทางรถไฟความเร็วสูงซึ่งจะเปิดให้บริการภายในสิ้นปี 2564 จะสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยมากขึ้นสำหรับนักท่องเที่ยวและการเดินทางตลอดจนการหลั่งไหลของผู้คนระหว่างสองประเทศลาวและไทยและชาวต่างชาติที่มาเยี่ยมชมทั้งสองประเทศมากขึ้นในอนาคต
ความสำเร็จของการร่วมมือสองฝ่ายเพิ่มขึ้นตามลำดับในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สองประเทศต้องเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติและโรดระบาดเป็นระยะ เช่น ภัยแล้ง, น้ำท่วม, เหตุการณ์ที่ถ้ำขุนน้ำนางนอน, เหตุการณ์อุทกภัยที่แขวงอัตตะปือและเหตุการณ์ที่แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชน 2 ประเทศอย่างรุนแรง แต่สองประเทศก็ได้ร่วมมือกันเพื่อช่วยให้ทั้งสองประเทศสามารถเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้ได้ด้วยดี
19 ธันวาคม 2563 เป็นวันครบรอบ 70 ปีของการสร้างสายสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ โดยทั้งสองฝ่ายได้จัดงานเพื่อเฉลิมฉลองวันสำคัญร่วมกันโดยกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรมและการท่องเที่ยวแห่งสปป.ลาว และสถานเอกอัครราชทูตไทย ที่นครหลวงเวียงจันทน์ และ สถานทูต สปป. ลาวที่กรุงเทพมหานครได้ร่วมกันจัดงานแสดงดนตรีและศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน ภายใต้แนวคิด “โขงบ่อกั้น โควิดบ่อใกล้ 70 ปีลาว - ไทย, ไทย - ลาว รักแพง แบ่งปัน และ มั่นคง” ที่โรงละครแห่งชาติ กรุงเทพฯ เมื่อคืนวันที่ 28 กันยายน 2563 ด้วยบรรยากาศสนุกสนาน
ในนามเอกอัครราชทูตวิสามัญ ผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว ประจำราชอาณาจักรไทย ข้าพเจ้าจะทุ่มเททุกความพยายาม เพื่อสานต่อเสริมสร้างสายสัมพันธ์มิตรภาพ บ้านใกล้เรือนเคียง และบ้านพี่เมืองน้องที่ดีต่อกันนี้ให้เจริญงอกงามยิ่งๆ ขึ้นไป
ในวาระโอกาสวันชาติ 2 ธันวาคม ครบรอบ 45 ปี แห่งสาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว และวันสร้างตั้งสายสัมพันธ์ทางการทูต ระหว่างสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และราชอาณาจักรไทยครบรอบ 70 ปี ข้าพเจ้าขอตางหน้าให้รัฐบาลและประชาชนลาวถวายพระพรชัยอันประเสริฐแด่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ทุกๆ พระองค์ ทรงมีพระเกษมสำราญยิ่งยืนนาน ขออวยพรชัยอันประเสริฐแด่ ฯพณฯ บุญยัง วอระจิต ประธานประเทศแห่งสาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว และภริยา ทรงมีความผาสุก และมีพลานามัยสมบูรณ์ยิ่งยืนนาน
ขออวยพร ให้สายสัมพันธ์มิตรภาพระหว่าง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และราชอาณาจักรไทย จงแน่นแฟ้นไปชั่วกาลนาน
ด้วยความเคารพและนับถืออย่างสูง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี