นายธนเทพ มงคลเจริญศรี กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท พรีเมี่ยม เพลส ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้ดำเนินโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบ แบรนด์ “พรีเมี่ยม เพลส” ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท พรีเมี่ยม เพลส ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และโครงการแนวสูง “พรีมิโอ” ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท พรีมีโอ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า จากประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการมากว่า 20 ปี บริษัทจึงตั้งเป้าหมายภายในอีก 5 ปีข้างหน้า จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ซึ่งปัจจุบันพอร์ตการลงทุนมูลค่าประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท และได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 350 ล้านบาท เป็น 1,000 ล้านบาท
นอกจากนี้จะมีการพัฒนาโครงการเพิ่มจากเฉลี่ยประมาณ 2-3 โครงการ เป็นปีละ 4 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 2 โครงการ และแนวสูง 2 โครงการ รวมมูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยกระจายการพัฒาโครงการไปในทำเลอื่นๆมากขึ้น จากปัจจุบันที่เน้นพัฒนาโครงการในทำเลรามอินทรา,เกษตร-นวมินทร์ และลาดพร้าว เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รับรู้มากขึ้น ประกอบกับปัจจุบันที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการแนวราบในทำเลรามอินทรา,เกษตร-นวมินทร์ และลาดพร้าว เริ่มหาได้ยากมากขึ้น และราคาปรับสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด จาก 70,000-80,000 บาทต่อตารางวา (ตร.ว.) เป็น 150,000-160,000 บาทต่อตร.ว. ดังนั้นแนวโน้มในอนาคตหากผู้ประกอบการจะพัฒนาโครงการ ต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องภาวะเศรษฐกิจและหนี้ภาคครัวเรือน
สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 2558 จะพัฒนา 4 โครงการ รวมมูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการ “พรีเมี่ยม เพลส พหลโยธิน-รัตนโกสินทร์ สมโภช” บนพื้นที่ 8 ไร่ เป็นทาวน์โฮม สูง 3-4 ชั้น ขนาด 21.25 ตร.ว. ราคา 5.6-7 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 85 หน่วย (ยูนิต) มูลค่าโครงการกว่า 800 ล้านบาท, 2.โครงการ “พรีเมี่ยม เพลส แฟชั่น ไอส์แลนด์” บนพื้นที่ 13 ไร่ อาจจะปรับเป็นโครงการในรูปแบบมิกซ์ยูส คือ พัฒนาทั้งคอนโดมิเนียมและทาวน์โฮม ขณะนี้อยู่ระหว่างการวางผังโครงการ จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ส่วนอีก 2 โครงการ จะเป็นคอนโดมิเนียม ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดินแปลงละประมาณ 5 ไร่ คาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ในปลายปี 2557 นี้
นายธนเทพกล่าวว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2557 นี้ บริษัทมองว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์มีทิศทางการฟื้นตัวที่ดีขึ้น เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง แต่หลังจากสถานการณ์ทางการเมืองดีขึ้น ได้มีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาทำงาน และมีนโยบายเร่งอนุมัติก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทั้งรายเล็กและรายใหญ่ มีการเปิดตัวโครงการในประเภทต่างๆมากขึ้น ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลังกลับมาคึกคักอีกครั้ง
ส่วนผลประกอบการของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกปี 2557 มียอดขายอยู่ที่ 800 ล้านบาท คาดว่าทั้งปีน่าจะอยู่ที่ 1,400 ล้านบาท จากเดิมตั้งเป้าทั้งปีไว้ที่ 1,200 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ที่ 1,200 ล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนรายได้จากธุรกิจให้เช่ากว่า 10% และที่เหลือเป็นรายได้จากธุรกิจเพื่อการขาย และในปี 2558 ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 2,000 ล้านบาท และมียอดรับรู้รายได้ที่ 1,500 ล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี