บริษัทหลักทรัพย์(บล.)บัวหลวงวิเคราะห์หุ้นบมจ.เซ็ปเป้หรือSAPPE เราจัด Roadshow โดยมีคุณปิยจิต รักอริยพงศ์, CFO(ว่าที่ CEO) และคุณเอนก ลาภสุขสถิต, Strategy and Financeเป็นผู้ให้ข้อมูลกับนักลงทุน โดยผู้บริหารยังคงมุมมองบวกกับการเติบโตของบริษัท อย่างไรก็ดีเรามองว่าราคาหุ้นได้ขึ้นสะท้อนการเติบโตในปีหน้าไปส่วนหนึ่งแล้ว จน upside ต่อราคาเป้าหมายเริ่มจำกัด และถึงแม้บริษัทอาจได้รับประโยชน์จากอัตราแลกเปลี่ยนที่เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง (รายได้จากการส่งออกซึ่งมีสัดส่วนถึง 65% ของรายได้รวม) แต่เราได้รวมในประมาณการกำไร อิงสมมุติฐานอัตรากำไรขั้นต้นที่อาจดีขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้ส่วนหนึ่งแล้ว นอกจากนี้พัฒนาการของอัตรากำไรขั้นต้นจากสายการผลิตใหม่คาดว่าจะเห็นประโยชน์ในช่วง 2H15 ดังนั้น เราจึงมองว่าอาจเร็วเกินไปหากเข้าสะสมหุ้นในช่วงนี้ คงคำแนะนำ ถือ
ยอดขายส่งออกหนุนการเติบโตหลัก
เราคาดว่าสัดส่วนรายได้จากการส่งออกจะเป็นรายได้หลักโดยเพิ่มขึ้นเป็น 65% ในปี 2015 จากปี 60% ในปี 2014 จากการที่บริษัทเข้าไปรุกตลาดใหม่ในต่างประเทศซึ่งในปีนี้ บริษัทเริ่มเข้าไปทำตลาดใหม่ใน 14 ประเทศ รวมเป็น 64 ประเทศ เพิ่มขึ้นจากปี 2013 ที่ 50 ประเทศ ซึ่งเราคาดการเติบโตหลักจะมาจากจีน อินเดีย และอินโดนีเซียที่มีจำนวนประชากรมหาศาล หนุนให้การเติบโตของยอดส่งออกในระดับ 25% เป็นไปได้ไม่ยาก และเราคาดอัตราการเติบโตของยอดขายต่างประเทศจะลดลงสู่ภาวะปกติ (normalize) ในปี 2016 หากบริษัทไม่ได้มีการเปิดตลาดในประเทศใหม่เพิ่มเติม
ราคาหุ้นได้สะท้อน ประโยชน์จาก USD แข็งค่าไประดับหนึ่งแต่กำไรอาจดีขึ้นกว่าคาด ถ้า USD แข็งค่าต่อเกินคาด
อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มดีกว่าคาดจากอัตราแลกเปลี่ยน ตามเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ที่มีแนวโน้มแข็งค่า โดยฝ่ายวิจัยคาดการณ์อัตราแลกเปลี่ยนที่ระดับ 33.00-33.50 บาท/USD ในปี 2015 ปัจจุบันบริษัทมีรายได้ส่วนใหญ่กว่า 65% จากการส่งออกในสกุลเงิน USD ขณะที่แนวโน้มค่าเงิน USD มีโอกาสแข็งค่าขึ้นต่อในปีหน้า จากแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ย และประมาณการของเราอิงสมมุติฐานอัตราแลกเปลี่ยนราว 33.00 บาท/USD ซึ่งจากผลการศึกษา Sensitivity analysis พบว่าทุกๆ 1 บาทที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงกว่าประมาณการ อัตรากำไรขั้นต้นจะสูงขึ้น 1.3% และกำไรสุทธิจะมากกว่าประมาณการ 6.4%
ยังไม่มีปัจจัยหนุนในช่วง 1H15
คาดในช่วง 1H15 ยังคงเห็นอัตรากำไรขั้นต้นในระดับใกล้เคียงกับปี 2014 โดยบริษัทจะเริ่มได้รับประโยชน์ด้านการลดต้นทุนจากสายการผลิตที่ 3 และการปิดโรงงานบางชันในช่วง 2H15 โดยหลังจากสายการผลิตใหม่เปิดดำเนินการบริษัทจะมีกำลังการผลิตสุทธิ 130,000 ตันต่อปี แต่ทั้งนี้ประมาณการของเราอาจมีdownside risk จากค่าใช้จ่ายด้านการขายที่อาจสูงกว่าคาด เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการเจาะตลาดในและต่างประเทศ เรายังคงคำแนะนำ ถือจากราคาหุ้นปัจจุบันให้ส่วนลดน้อยกว่า 15% โดยมองว่ายังไม่ใช่จังหวะในการเข้าสะสมหุ้น เนื่องจากธุรกิจกำลังอยู่ช่วง low season ในช่วง 4Q14 และยังคงไม่เห็นพัฒนาการของอัตรากำไรขั้นต้นที่ชัดเจนในช่วง 1H15
ที่มา : บล.บัวหลวง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี