7 ม.ค.58 นายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรธนารักษ์ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับ นายสมคิด ศริ ที่ปรึกษา ด้านประสิทธิภาพกรมที่ดิน เพื่อขอใช้ข้อมูลที่ดินสำหรับจัดทำบัญชีกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์ โดยกรมจะขอใช้ข้อมูลแผนที่ ข้อมูลทะเบียนที่ดิน ข้อมูลอาคารชุด รวมทั้งข้อมูลราคาซื้อขาย เพื่อวิเคราะห์กำหนดราคาประเมิน ก่อนจัดทำบัญชี และส่งให้กรมที่ดินใช้ในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และยังรองรับใช้เป็นฐานเก็บภาษี พ.ร.บ.ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

นอกจากนี้ ยังจะนำเทคโนโลยีแบบใหม่มาช่วยการดำเนินงานสำรวจและประเมินราคา เช่น การนำแผนที่ภาพถ่ายดาวเทียม แผนที่ดิจิตัลรูปแบบแปลงที่ดิน เมื่อกรมธนารักษ์นำส่งกลับไปให้กรมที่ดินแล้ว จะทำให้กรมที่ดินสามารถนำไปใช้ในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมและภาษีต่างๆ จากการโอนอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และมีคุณภาพ และมีราคาประเมินสอดคล้องกับข้อเท็จจริงตามราคาตลาดของอสังหาริมทรัพย์

สำหรับความคืบหน้าการจัดทำราคาประเมินทุนทรัพย์ ได้ประเมินไปแล้ว 25 จังหวัด คิดเป็นจำนวน 8.8 ล้านแปลง จากทั้งหมด 33 ล้านแปลง ที่ทางธนารักษ์จะต้องจัดทำประเมินเป็นรายแปลงทั่วประเทศ

ด้าน นายสมคิด กล่าวว่า กรมที่ดินจะส่งข้อมูลทั้งข้อมูลแผนที่ ทะเบียนที่ดิน อาคารชุด ไปยังกรมธนารักษ์ เพื่อใช้ในการทำบัญชีกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์ จากนั้นจะส่งกลับมากรมที่ดิน เพื่อใช้เก็บค่าธรรมเนียม โดยหลักแล้วจะใช้เทคโนโลยีภาพถ่ายจากดาวเทียมแผนที่ดิจิตัลมาจัดทำข้อมูลราว 15 ล้านแปลง คาดว่าโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในปี 2559

ทั้งนี้ เบื้องต้นคาดว่าราคาประเมินที่จะมีผลบังคับใช้ต้นปี 2559 จะมีราคาสูงขึ้น หลังจากเมื่อช่วงปี 2557 ที่ผ่านมา จากที่รัฐบาลเตรียมประกาศเขตเศรษฐกิจพิเศษ และเตรียมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ทำให้ราคาที่ดินเฉลี่ยทั้งประเทศเพิ่มขึ้น 20% โดยเฉพาะเขตเศรษฐกิจพิเศษ เช่น แม่สอด เพิ่มขึ้นสูงกว่า 100% และยังมีตามแนวรถไฟฟ้าที่จะปรับตัวสูงขึ้นอีก ซึ่งจะส่งผลให้กรมที่ดินจัดเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว