3 มิ.ย.58 พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOC) กับ พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาเป็นท่าอากาศยานเชิงพาณิชย์แห่งที่ 3 ว่า จะตั้งคณะกรรมการขึ้น 3 ชุด เพื่อประสานความร่วมมือในโครงการนี้ได้แก่ 1.คณะทำงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการเชื่อมโยงโครงข่ายการคมนาคมกับภายนอกท่าอากาศยาน โดยมีนายชาติชาย ทิพย์สุนาวี รองปลัดคมนาคม เป็นประธาน 2.คณะทำงานวางแผนธุรกิจส่งเสริมกิจการของท่าอากาศยานอู่ตะเภา เพื่อจัดทำแผนพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์และความมั่นคงภายใต้ความเห็นของกองทัพเรือ โดยมีนางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดคมนาคม เป็นประธาน 3.คณะทำงานด้านการประชาสัมพันธ์ โดยมี นายวรเดช หาญประเสริฐ รองปลัดคมนาคม เป็นประธานซึ่งอีก 1 สัปดาห์จะสามารถจัดตั้งคณะทำงานได้ และคาดว่าอีกประมาณ 1 เดือนครึ่ง แผนการทำงานจะแล้วเสร็จ

ทั้งนี้ ในการส่งเสริมศักยภาพขีดความสามารถสนามบินอู่ตะเภา ทางกองทัพเรือพร้อมจัดสรรงบประมาณประมาณกว่า 200 ล้านบาท เพื่อมาสร้างและปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร ให้สามารถรองปริมาณผู้โดยสารเพิ่มเป็น 3 ล้านคนต่อปี คาดว่าประมาณเดือน ก.ค.59 น่าจะสามารถประมาณการณ์จำนวนผู้โดยสารได้ชัดเจนขึ้น รวมถึงตั้งเป้าไว้ว่าจะทำการเปิดให้บริการอาคารผู้โดยสารใหม่ได้ในวันที่ 1 มิ.ย.59 ซึ่งจะสามารถรองรับตารางเที่ยวบินในช่วงฤดูหนาวได้ทัน ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องบินเช่าเหมาลำ (Charter Flight) ประมาณ 400 เที่ยวบิน และในปี 2557 มีผู้โดยสารเข้าออก 200,000 คน โดยผู้โดยสารส่วนใหญ่จะเป็นผู้โดยสารชาวจีน และชาวรัสเชีย

ซึ่งในส่วนการบริหารสนามบินฯกองทัพเรือยืนยันที่จะบริหารจัดการเอง เนื่องจากมีประสบการบริหารมากนาน ไม่ว่าจะเป็นการบริหารการควบคุมการจราจรทางอากาศ การให้บริการสนามบินเชิงพาณิชย์ แต่ในกรณีที่มีจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารเพิ่มขึ้น อาจจะมีการขอให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกด้านภาคพื้นด้วย

สำหรับแผนการดำเนินงานพัฒนาโครงการท่าอากาศยานอู่ตะเภา แบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือโดยแผนระยะที่ 1 ในปี 58 - 60 จะเพิ่มศักยภาพการรองรับผู้โดยสารให้เพิ่มขึ้นเป็นปีละ 3 ล้านคนต่อปี จากปัจจุบันมีผู้โดยสารเฉลี่ยปีละ 2 แสนคนต่อปี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารเดิมและการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารใหม่ที่ใช้งบประมาณ 200 ล้านบาท ส่วนระยะกลางปี 61 - 63 จะพัฒนาท่าอากาศยานให้รองรับผู้โดยสารได้ 5 ล้านคน และในปี 63 เป็นต้นไปจะเป็นแผนการพัฒนาโครงการสร้างพื้นฐาน ในส่วนของพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อพัฒนาท่าอากาศยานให้รองรับการเติบโตของกิจการการบินในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ในการกำหนดแนวทางเชื่อมโยงระบบการคมนาคม เช่น การเชื่อมแอร์พอร์ตลิงก์จากท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปยังอู่ตะเภา รวมถึงจะขยายช่องจราจรทางหลวงหมายเลข 331 พนมสารคาม - สัตหีบ จาก 2 ช่องทาง เป็น 4 ช่องทาง และก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายพัทยา - มาบตาพุด รวมถึงปรับถนนทางเข้าออกท่าอากาศยาน อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการมากขึ้น ขณะที่การให้บริการได้เตรียมประสานกับการบินไทยในการสนับสนุนบุคลากร หากบุคลากรของกองทัพเรือไม่เพียงพอ แต่ยังคงมั่นใจว่าบุคลากรที่มีอยู่จะพียงพอต่อให้บริการผู้โดยสาร