22 มิ.ย.58 นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า สำนักงาน กสทช.เตรียมเสนอร่างประกาศ กสทช. เรื่องการถือครองคลื่นความถี่โดยรวมบนกิจการโทรคมนาคม ที่กำหนดให้ผู้เข้าร่วมประมูล4G บนคลื่นความถี่ย่าน 1800 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) และ 900 MHz โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการจะต้องถือครองคลื่นความถี่รวมไม่เกิน 60 MHz เฉพาะคลื่นความถี่ที่ใช้งานและมีสิทธิใช้งานเพื่อเพิ่มเติมในเงื่อนไขการประมูล (ไอเอ็ม) โดยจะนำร่างฯ ดังกล่าว บรรจุเป็นวาระเพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ในวันพุธที่ 24 มิ.ย.58 นี้
อย่างไรก็ตาม ร่างประกาศฯ ดังกล่าว จะเป็นการกำหนดเกี่ยวกับการถือครองคลื่นความถี่ของผู้ใช้บริการในประเทศทั้งหมด โดยเบื้องต้น มีข้อกำหนดดังนี้ คือ 1.การกำหนดถือครองคลื่นความถี่ฯ จะกำหนดเฉพาะผู้ที่ให้บริการในกิจการโทรคมนาคมเท่านั้น 2.การถือครองคลื่นความถี่ฯ เฉพาะคลื่นที่ใช้งานและมีสิทธิใช้งาน เช่นกรณีผู้ให้สัมปทานและผู้รับสัมปทาน การคิดจำนวนสเปคตรัมแคปจะคิดจากผู้รับสัมปทาน
ส่วนประเด็นที่ 3.การถือครองคลื่นความถี่ฯ ของผู้ให้บริการที่เป็นนิติบุคคล และบริษัทในเครือ จะถือว่าเป็นการถือครองฯ โดยบุคคลเดียวกัน และนับจำนวนคลื่นความถี่รวมกันต้องไม่เกิน 60 MHz 4.การถือครองคลื่นความถี่ฯ นับรวมการอนุญาตในระบบสัญญาสัมปทาน และระบบใบอนุญาตที่ กสทช.ได้จัดสรรคลื่นความถี่ให้ 5.การถือครองคลื่นความถี่ฯ ผู้ให้บริการยังคงเข้าร่วมประมูล 4G ที่จะเปิดให้มีการประมูล ในวันที่ 11 พ.ย.นี้ โดยหากผู้เข้าร่วมประมูลชนะการประมูล หากเมื่อนับรวมแล้วคลื่นความถี่ที่ถือครองอยู่ เกินจำนวนที่กำหนด หากอยู่ในระบบสัญญาสัมปทาน จะต้องคืนให้แก่ผู้ให้สัมปทานไม่น้อยกว่าคลื่นความถี่ ที่ประมูลได้
อนึ่ง คลื่นความถี่ของผู้ให้บริการที่มีอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ 1 บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส มีคลื่นความถี่บนย่าน 900 MHz ที่จะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 30 กันยายนนี้ มีจำนวน 17.5 MHz และบริษัท ในเครือ บริษัท แอดวานซ์ ไวเรสเน็ตเวริค จำกัด ที่ได้รับใบอนุญาต(ไลเซ่นส์) คลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ (GHz) จำนวน 15 MHz ระยะเวลา 15 ปี ขณะที่ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค มีจำนวนคลื่นความถี่ บนคลื่น 850 MHz จำนวน 10 MHz และ คลื่น 1800 MHz จำนวน 50 MHz ที่มีอายุสัมปทานถึงปี 2561 และคลื่นย่าน 2.1 GHz จำนวน 15 MHz ขณะเดียวกัน บริษัท เรียลฟิวเจอร์ จำกัด ใน บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE มีคลื่นความถี่ย่าน 2.1 GHZ จำนวน 15 MHz โดย บริษัทลูกอย่างบริษัท ทรูมูฟ จำกัด ที่ได้สิ้นสุดสัญญาสัมปทานไปแล้วเมื่อเดือน กันยายน ปี 2556 จำนวน 12.5 MHz
นายฐากร กล่าวว่า ภายหลังหารือกับพล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ประธานกสทช.ว่าได้ทราบเรื่องเบื้องต้นว่า ดีแทค จะมีการยื่นข้อเสนอเพิ่มเติมในการคืนคลื่นความถี่ในย่าน 1800 MHz ที่ดีแทคไม่ได้ใช้งานจำนวน 5 MHz โดยจะขอคืนให้แก่กสทช.ผ่านทางบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาช) หรือ CAT ในฐานะผู้ให้สัญญาสัมปทาน
ทั้งนี้ เดิมทางสำนักงาน กสทช. เคยระบุก่อนหน้านี้อย่างหนักแน่นแล้วว่า หากดีแทคมีเงื่อนไขในการคืนคลื่น 5 MHz ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม กสทช.ก็จะไม่เอาคลื่นจากดีแทคแต่อย่างใดเลย และจะเปิดประมูลใบอนุญาต 4จี ในย่าน 1800 MHz จำนวนใบอนุญาตละ 12.5 MHz ซึ่งได้ร่างเงื่อนไขการประมูล (ไอเอ็ม) เสร็จแล้วและจะเปิดรับฟังความเห็นสาธารณะ (ประชาพิจารณ์) ในวันที่ 18 ก.ค.นี้เป็นวันแรกผ่านทางเว็บไซต์
โดยเงื่อนไขเพิ่มเติมที่ดีแทคจะเสนอมาโดยทราบผ่านทางประธานกสทช.คือ ดีแทคจะคืนคลื่น 5 MHz แลกกับการขอให้กสทช.เปลี่ยนแปลงไอเอ็มเปิดประมูลใบอนุญาตเป็นจำนวน 3 ใบๆละ 10 MHz แทนการประมูลเดิมที่กสทช.ตั้งใจว่าเมื่อได้คลื่นคืนมาจากดีแทคจำนวน 5 MHz จะเปิดประมูลเพิ่มเป็นใบอนุญาตละ 15 MHz จำนวน 2 ใบอนุญาตตามเดิม ซึ่งหากเงื่อนไขเพิ่มเติมจากดีแทคเป็นตามนั้นจริง ถือเป็นสิ่งที่กสทช.รับไม่ได้และจะไม่มีการเจรจาหรือพูดคุยใดกับดีแทคอีก เพราะถือเป็นเอกชนที่ไม่มีความจริงใจ
"เดิมตั้งแต่แรกเลยดีแทคบอกว่าจะคืนคลื่นทั้งหมดที่ไม่ได้ใช้งาน 25 MHz ต่อมาก็ขอคืน 10 MHz และมาล่าสุดส่งหนังสืออย่างเป็นทางการผ่านกสทฯมาขอคลื่น 5 MHz โดยเขียนในข้อความว่าต้องการช่วยให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศแต่พอมาวันนี้กลับต้องการให้เปิดประมูล 3 ใบคือเท่ากับผู้ประกอบการที่มีอยู่ในตลาด ซึ่งก็จะไม่เกิดการแข่งขันด้านราคาเลย ซึ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ประเทศได้ประโยชน์"
นายฐากร กล่าวว่า ระหว่างนี้กสทช.ก็จะรอกสทฯว่าในท้ายที่สุดจะดำเนินการอย่างไร จะยินยอมคืนโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้นหรือไม่ หรือจะมีการเสนอเงื่อนไขดังกล่าวของดีแทค ซึ่งจะขอให้กสทฯและดีแทคทำหนังสืออย่างเป็นทางการเพื่อแสดงความจำนงค์ในการคืนคลื่นมายังกสทช. ภายในต้นเดือนก.ค.นี้ หรืออย่างช้าในวันที่ 7 ก.ค.นี้ เพราะกรอบเวลาของกสทช.คือจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การประชุมของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) จากนั้น ในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ จะนำเข้าสู่วาระการประชุมกสทช.เพื่อขออนุมัติ และในวันที่ 18ก.ค.จะนำร่างหลักเกณฑ์การประมูลใบอนุญาต 4จีย่าน 1800 MHz ไปเปิดรับฟังความเห็นสาธารณะ
"กสทช.ยืนยันมาการประมูล4จีต้องมีจำนวนใบอนุญาตน้อยกว่าผู้ประกอบการที่จะเข้าประมูล และตามคำสั่งของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ระบุมาแล้วว่าการประมูล4จีต้องไม่ซ้ำแบบเดิมที่มีใบอนุญาตแบ่งลงตัวกับจำนวนคนเข้าประมูลจนไม่เกิดการแข่งขันเลย"
นายฐากร กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าวทำให้สำนักงานกสทช.จะร่างเงื่อนไขเพิ่มเติมในไอเอ็มและจะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ในวันที่ 24 มิ.ย.นี้เรื่องการถือครองคลื่นความถี่โดยรวมบนกิจการโทรคมนาคมที่กำหนดให้ผู้เข้าร่วมประมูล4จี บนคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz และ 900 MHz โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการจะต้องถือครองคลื่นความถี่รวมไม่เกิน 60 MHz เฉพาะคลื่นความถี่ที่ใช้งานและมีสิทธิใช้งาน
พันเอกเศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช และประธาน กทค. เปิดเผยว่า เห็นด้วยหาก สนง. เสนอนโยบายการป้องกันการกักตุนคลื่นความถี่เพื่อก่อให้เกิดการใช้ความถี่อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในระยะเริ่มต้นนี้ จะได้มีการกำหนดนโยบายการกำหนดเพดานถือครองคลื่น เป็นเงื่อนไขในการประมูล โดยอาจจะมีการกำหนดให้เงื่อนไขหนึ่งของผู้ชนะการประมูลที่จะต้องมีคลื่นความถี่ที่ใช้งานทั้งที่มีสิทธิใช้งานอยู่เดิมและที่ชนะในการประมูลจะต้องมีไม่เกิน 60x2 MHz
ทั้งนี้ ในวันที่เข้าประมูลผู้ที่เข้าร่วมประมูลที่มีสิทธิใช้ความถี่เกินเพดานถือครองคลื่นสามารถเข้าร่วมประมูลได้ แต่เมื่อชนะการประมูลแล้ว จะต้องมีการสละสิทธิการใช้คลื่นที่มีอยู่เดิม โดยความถี่ที่กำหนดเป็นความถี่ที่ใช้งานในกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งหมดเช่นความถี่ย่าน 470MHz, 800MHz, 900MHz, 1800MHz, 1900MHz, 2100MHz, 2300MHz, 2600MHz
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี