นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการเจาะตลาดใหม่เพื่อเพิ่มการส่งออกของไทยตามนโยบายของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ ว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบเรื่องกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก (Pacific
Alliance) รับไทยเป็นประเทศผู้สังเกตการณ์ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศ เสนอ โดยมีออสเตรีย เดนมาร์ก จอร์เจีย กรีซ เฮติ ฮังการี อินโดนีเซีย โปแลนด์ และสวีเดน เข้าเป็นประเทศผู้สังเกตการณ์ร่วมด้วย นับเป็นอีกช่องทางการค้าหนึ่งที่น่าจับตา เพราะเป็นกลุ่มการค้าที่มีเป้าหมายจะขยายการค้ามายังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ทั้งนี้การรับไทยเข้าเป็นผู้สังเกตการณ์ แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ทางการเมืองของไทยไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการขยายความสัมพันธ์กับประเทศสมาชิกกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก อีกทั้งยังจะเป็นโอกาสให้ไทยผลักดันความร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกและประเทศสมาชิก รวมถึงการผลักดันให้มีความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมระหว่างอาเซียนกับกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก ซึ่งไทยจะเป็นผู้ประสานงานของอาเซียนสำหรับกลไกความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกในปี 2559
นางนันทวัลย์ กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก ประกอบด้วย ชิลี โคลอมเบีย เม็กซิโก และเปรูมีประชากรรวมกันประมาณ 212 ล้านคน มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2558 จากที่ได้ร่วมลงนามไปเมื่อ 3 ปีก่อน (6 มิถุนายน 2555) การก่อตั้งมีวัตถุประสงค์ เพื่อยกเลิกข้อจำกัดที่เป็นอุปสรรคในการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ เงินทุน และแรงงานระหว่างกัน โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ให้กลายเป็นกลุ่มเศรษฐกิจการค้าที่สำคัญในเวทีโลก และเพื่อเป็นสะพานเชื่อมการค้าให้กับประเทศสมาชิกกับตลาดทั่วโลก โดยเฉพาะกับการส่งเสริมการค้าตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
“จากการที่ความตกลงฯนี้ได้มีผลบังคับใช้ ส่งผลให้ 92% ของสินค้าทั้งหมดที่มีการค้าขายกันระหว่างสมาชิกทั้ง 4 ประเทศ ได้รับการยกเว้นภาษีทันที โดยขนาดเศรษฐกิจของ 4 ชาติ มีมูลค่ารวมกัน 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในรายงานของธนาคาร BBVA ได้ระบุถึงการรวมตัวของกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกนี้ว่า เป็นการรวมกลุ่มการค้าที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก”นางนันทวัลย์ กล่าว
สำหรับการค้าระหว่างไทยกับกลุ่มลาตินอเมริกา (47 ประเทศ) ในครึ่งปีแรก 2558 เพิ่มขึ้น 2% ไทยมีการส่งออก 3,861 ล้านเหรียญสหรัฐ (125,657 ล้านบาท) นำเข้าลดลง 7% มูลค่า 1,846 ล้านเหรียญสหรัฐ (60,799 ล้านบาท) สินค้าที่ส่งออกสำคัญ ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เพิ่มขึ้น 3.3% มูลค่า 1,456 ล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมาเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยางเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ส่วนสินค้านำเข้า ได้แก่ พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช ลดลง 1.3% มูลค่า 835 ล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมาเป็นสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ สัตว์น้ำสด แช่เย็นแช่แข็ง แปรรูปและกึ่งแปรรูป ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี