ภาคธุรกิจเก็งอ่อนลงแตะ40บาท/ดอลลาร์สหรัฐ-อสังหาฯสบช่องเจาะลูกค้าต่างชาติ
แบงก์ชี้ค่าบาทร่วงยาวถึงปี’59
ภาคธุรกิจจับตาภาวะค่าเงินบาทอ่อนตัว แบงก์มั่นใจเฟดขึ้นดอกเบี้ย กดค่าเงินบาทอ่อนลงอีก ชี้ปี’59 มีโอกาสเห็นระดับ 38-40 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ มั่นใจ กนง.ไม่ลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบต่อไป บิ๊ก อสังหาริมทรัพย์ ฉวยจังหวะ ทำตลาดต่างชาติ สบน.ยอมรับภาระหนี้เพิ่มขึ้น
นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ธนาคารคาดว่าค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าไปจนถึงปี 2559 โดยปี2558มองค่าเงินบาทอยู่ที่ 36.75 บาทต่อดอลลาร์ และปี 2559 ที่ 38 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีสาเหตุจาก ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด จะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี ในการประชุมวันที่ 16-17 กันยายนนี้ และมองว่าจะขึ้นในปีหน้าอีก 2 ครั้ง ประกอบกับจีนมีการปรับลดค่าเงินหยวนลง ส่งผลให้ค่าเงินบาทมีทิศทางอ่อนค่าตามไปด้วย
“ตอนนี้ตลาดไม่เชื่อว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนนี้ แต่เรามองว่าจะขึ้น เพราะเห็นสัญญาณในตลาดแรงงานเริ่มปรับตัวดี”นายกอบสิทธิ์ กล่าว
นายกอบสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีไทยเข้าสู่สงครามค่าเงินหรือไม่นั้น ยอมรับว่า ไทยถูกดึงเข้าไปอยู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หรือ ถือเป็นเหยื่อของสงครามค่าเงิน เนื่องจาก ค่าเงินในภูมิภาคส่วนใหญ่ปรับอ่อนค่าลง เช่น มาเลเซีย ค่าเงินอ่อนไป 19-29% สิงคโปร์อ่อนค่า 5% ขณะที่ไทยอ่อนค่า 8-9% ซึ่งหากค่าเงินบาทของไทยไม่อ่อนค่าตามไปด้วยนั้น อาจส่งผลให้ไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขันกับภูมิภาคได้
“ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงนั้น ส่งผลดีต่อการส่งออก ซึ่งจะส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจในภาวะที่เศรษฐกิจในประเทศยังชะลอตัว มีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไป การบริโภคยังชะลอตัว และการเบิกจ่ายภาครัฐ การลงทุนภาคเอกชนยังมีความล่าช้า ดังนั้นค่าเงินบาทที่อ่อนค่าจะเป็นแรงสนับสนุนต่อการฟื้นตัวของภาคการส่งออกค่อนข้างมาก” นายกอบสิทธิ์ กล่าว
ด้านกระแสข่าวที่ออกมาว่า เศรษฐกิจในประเทศ ที่ชะลอตัว อาจจะส่งผลให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. จะลดดอกเบี้ยในการประชุมในเดือนกันยายนนี้ ยืนยันว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้ กนง.คงไม่มีการตัดสินใจเพื่อลดดอกเบี้ยในการกระตุ้นเศรษฐกิจเนื่องจากในภาวะการปัจจุบัน ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. มีนโยบายส่งเสริมให้นำเงินออกไปลงทุนต่างประเทศค่อนข้างมาก ซึ่งถือเป็นการช่วยให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงไป ดังนั้นหากปรับลดดอกเบี้ย อาจทำให้เงินไหลเข้ามาในประเทศมากกว่าการไหลออก และจะทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าด้วย
ด้านนายธีรัชย์ อัตนวานิช รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า ผลจากการที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวนับจากต้นปีเกือบ 10% ส่งผลให้ภาระหนี้สูงขึ้น แต่ สบน. สามารถลดความเสี่ยงของหนี้ต่างประเทศที่มีอยู่ได้มากกว่า 50% ส่วนที่เหลือก็คงเป็นหนี้ระยะยาวที่ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก โดยปัจจุบันรัฐบาลมีหนี้ต่างประเทศ 345,001.21 ล้านบาท หรือ 6.03% ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
ด้านนายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันค่าเงินบาทอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดทะลุ 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในรอบ 6 ปี 6 เดือน โดยธนาคารพาณิชย์ให้ความเห็นว่าค่าเงินบาทไทยจะอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องจนถึงสิ้นปีนี้ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเริ่มแข็งตัว ขณะที่ค่าเงินประเทศเพื่อนบ้านไทยอย่างมาเลเซียและอินโดนีเซียอ่อนตัวลง จึงฉุดค่าเงินบาทไทยให้อ่อนลงไปด้วย ประกอบกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองไทยที่ต่างชาติยังต้องการดูความชัดเจน ทั้งนี้ ธนาคารพาณิชย์ประมาณการค่าเงินบาทว่าจะแกว่งตัวในระดับ 35.75-37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงปีนี้และมีโอกาสไปถึง 38-40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2559
“ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าจะส่งผลดีต่อภาคอุตสาหกรรม การท่องเที่ยวไทยโดยตรง เพราะจะทำให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
ท่องเที่ยวของชาวต่างชาติถูกลง ทำให้มีต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งคนกลุ่มนี้อาจจะเป็นกลุ่มคนที่สนใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ไทยในอนาคต” นายอุทัย กล่าว
นอกจากนี้ เงินบาทที่อ่อนค่าลงยังเป็นปัจจัยบวกกับชาวต่างชาติที่สนใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ไทยอีกด้วย เพราะสามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ราคาถูกลงถึง 9% เมื่อเทียบกับค่าเงินบาทเมื่อต้นปีที่ผ่านมา จึงเป็นเหตุ ให้ลูกค้าต่างชาติทั้งที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศและซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนปล่อยเช่าสามารถตัดสินใจในการซื้อคอนโดมิเนียมเร็วขึ้น
ด้านนายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ค่าเงินบาทอาจจะอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว และหากสถานการณ์ของจีนยังไม่ดีขึ้นและมีการประกาศลดค่าเงินหยวนอีก ประกอบกับการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดถ้าหากปัจจัย 2 ปัจจัยนี้เกิดขึ้นพร้อมกันเชื่อว่าภายในปีนี้ค่าเงินบาทจะทะลุ 38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
“ค่าเงินประเทศใดก็ตามที่อ่อนค่าลงไปเรื่อยๆ แสดงถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจเมื่อประเทศจีนค่าเงินอ่อนลงส่งผลให้ภูมิภาคค่าเงินอ่อนลงตาม แปลว่าภูมิภาคนี้เริ่มมีความอ่อนแอทางเศรษฐกิจ และค่าเงินบาทที่อยู่ในระดับเกินกว่า 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐถือเป็นสัญญาณอันตราย”
ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงรายงานภาวะเศรษฐกิจประจำไตรมาสที่ 3/2558 และคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจในปี 2558 และ 2559 ว่า ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ ได้ปรับลดประมาณการ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ของไทย ทั้งปี 2558 เหลือ 3.1% มีมูลค่า 12,910.2 พันล้านบาท จากเดิมที่มองว่าจะขยายตัว 3.2% โดยมีปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลให้ จีดีพี ขยายตัว ได้ 3.1% คือ นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล การเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาล ซึ่งจะมีเม็ดเงินลงมาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยมากขึ้น รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่การส่งออกทั้งปีคาดว่า จะติดลบ 4.8% ปรับลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 0.4% และเงินเฟ้อทั่วไปทั้งปี คาดว่าจะติดลบ 0.6% ปรับลดลงจาดเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 0.5%
“ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ ได้ปรับลดคาดการณ์ จีดีพี ทั้งปี 2558 ลงเล็กน้อย จากเดิมที่คาดว่า จะขยายตัว 3.2% ก็คาดว่าจะขยายตัว 3.1% ซึ่งมองว่าในไตรมาสที่ 3 มองว่าจะขยายตัว 2.5% และไตรมาสที่ 4 จะขยายตัว 4% แต่ทั้งนี้หากไม่มีสิ่งกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้าย โดยเฉพาะมาตรการของภาครัฐ ก็อาจทำให้ไตรมาสที่ 4 ขยายตัวได้แค่ 2.3% และจีดีพีทั้งปีก็จะโตไม่ถึง 3.1%”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี