กรุงไทยยอมรับปี’58 เป็นปีที่ยาก ภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้อ ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยกู้ เผยลูกค้ารายย่อย ผิดนัดชำระหนี้สูงสุด
นายธัญญพงษ์ ธรรมาวรานุคุปต์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจรายย่อยและเครือข่าย ธนาคารกรุงไทย หรือ KTB เปิดเผยว่าในปี 2558 เป็นปีที่ยาก สำหรับกรุงไทย (ธุรกิจรายย่อย) เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยและหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) เพิ่มขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ธนาคารต้องเพิ่มความระมัดระวังในการอนุมัติสินเชื่อมากขึ้น รวมทั้งจัดส่งพนักงานไปสอบถามและแนะนำสำหรับลูกค้าที่ชำระหนี้ช้า
โดยเฉพาะในส่วนของสินเชื่อรายย่อย(SME) ที่มีการผิดนัดชำระหนี้สูงที่สุด เพราะเป็นผู้ที่มีรายได้ด้านเดียว และมีรายได้ลดลง 20-50% ขึ้นอยู่กับอาชีพและเขตภูมิภาค โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าภาคการเกษตรที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก จากราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำทำให้ลูกค้ามีความสามารถในการชำระหนี้
ลดลงตามไปด้วย
สำหรับปีนี้พอร์ตสินเชื่อที่ใหญ่ที่สุดยังคงเป็น สินเชื่อบ้าน สินเชื่อเกี่ยวกับราชการ และสินเชื่อ SME ที่เป็นรายย่อย ตามลำดับ ทั้งนี้ที่ผ่านมา ธนาคารได้มีการควบคุม NPL อย่างใกล้ชิดแต่ก็ยังคงเพิ่มขึ้นแต่อยู่ในอัตราที่ช้าลง สำหรับในไตรมาส 4 และปีหน้านั้น NPL จะยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นแต่ทั้งนี้จะมากหรือน้อยอยู่ที่สถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศและเศรษฐกิจโลกปีหน้าว่าจะปรับตัวดีขึ้นมากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลก็ได้ออกมาตรการและโครงการต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเริ่มเห็นผลไปในทางบวกเพิ่มขึ้น เชื่อว่าจะเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่จะช่วยสนับสนุนสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศให้เติบโตขึ้นอีกครั้ง
ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคารในปีนี้เติบโตขึ้น 15% จากระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่โต 6-7% โดยรายได้ดังกล่าวมาจากผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ธนาคารนำเสนอออกมาได้ตรงกับความต้องการของลูกค้า เช่น SMS Alert ที่จำนวนผู้ใช้จากหลักแสนเพิ่มเป็น 3 ล้านต่อปี ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตเกี่ยวกับผู้สูงอายุ ได้ตรงกับเป้าหมาย วัยเกษียณ และการบริการที่ดีในการนำเสนอและแนะนำลูกค้า สำหรับในปี 2559 ธนาคารตั้งเป้ารายได้จากค่าธรรมเนียมเติบโตประมาณ 12% จากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ตรงกับความต้องการลูกค้ามากขึ้น รวมทั้งการบริการของสาขาที่ใส่ใจและเข้าใจลูกค้ามากขึ้น ตามกลุ่มเป้าหมาย
ด้าน นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ผู้บริหารสายงาน บริหารจัดการทางการเงินเพื่อธุรกิจ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ธนาคารได้แบ่งสินเชื่อเอสเอ็มอี เป็นสองกลุ่ม คือ ไซส์เอ็ม ลูกค้าที่มีรายได้ไม่เกิน 100-500 ล้านบาท พิจารณาสินเชื่อ 20-100 ล้านบาท และไซส์แอล ลูกค้าที่มีรายได้มากกว่า 500 ล้านบาทขึ้นไป พิจารณาสินเชื่อมากกว่า 100 ล้านบาทที่ผ่านมา มีการปรับปรุงการบริหารและผู้ดูแลโดยแบ่งเป็นสองส่วน ไซส์เอ็มมีอยู่ 70 แห่ง ไซส์แอลมีอยู่ 65 แห่ง
สำหรับพอร์ตสินเชื่อเอสเอ็มอีทั้งหมด ณ ขณะนี้มีประมาณ4 แสนล้านบาท ตั้งเป้าสิ้นปี 2558 ไซส์เอ็มเติบโต 20% และไซส์แอลเติบโต 6-7% รวมกันเติบโต 8% ส่วน NPL ของกลุ่มเอสเอ็มอี คาดสิ้นปีจะคุม NPL ไม่ให้เกิน 1% โดยที่ผ่านมานับว่าภาครัฐได้ออกนโยบายมาได้ถูกทางที่เริ่มแก้ไขปัญหาธุรกิจเอสเอ็มอีที่เริ่มจากขนาดเล็กก่อน เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากระดับเล็ก ส่วนระดับกลางและขนาดใหญ่ เชื่อว่าภาครัฐจะมีการออกนโยบายและโครงการเข้ามาช่วยเหลือต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี