9 ก.พ.59 พันเอก เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะ ประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 8 ก.พ.59 ที่ผ่านมา ว่า การชำระค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) ของบริษัท ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมูนิเคชั่น จำกัด (ทียูซี) ในเครือ บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE และบริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด ในเครือ บริษัท จัสมินอินเตอร์แนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ที่จะต้องชำระเงินประมูลดังกล่าวภายใน 90 วัน ในงวดแรกจำนวน 8,040 ล้านบาท พร้อมหนังสือรับรองทางการเงินจากสถาบันทางการเงิน (แบงก์ การันตี) เพื่อชำระภายในวันที่ 21 มีนาคม 2559 เนื่องจากการประมูล 4G เป็นประโยชน์ของรัฐไปแล้วนั้น ผู้ชนะการประมูลจะต้องดำเนินการตามเงื่อนไขการประมูล ซึ่งหากผู้ที่ชนะการประมูลไม่สามารถนำเงินจำนวนดังกล่าวมาชำระได้จะต้องส่งผลก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ และจะต้องรับผิดชอบตามเงื่อนไขการประมูล
"ผู้ที่ไม่ชำระค่าประมูลจะถูกลงโทษตามกฏหมายในทุกช่องทาง ทั้งทางสังคมและทางธุรกิจ และคนไทยคาดหวังมากถ้าไม่จ่ายบริษัท ที่ชนะการประมูลจะเกิดความเสียหายหนักในทุกด้าน ขณะเดียวกันจะส่งผลกระทบต่อใบอนุญาตภายใต้ กสทช.ประเภทอื่นๆ ตามมาเช่นกัน" พันเอกเศรษฐพงค์ กล่าว
ส่วนแนวทางที่ กสทช.จะกำหนดหลังจากนี้หากผู้ชนะการประมูลไม่ชำระเงินดังกล่าว จะทำการเปิดประมูลใหม่นั้น จะนำราคาของผู้ชนะการประมูลครั้งล่าสุดมาเป็นราคาเริ่มต้นการประมูลที่ 75,000 ล้านบาท ซึงขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับบอร์ดกทค. ขณะเดียวกันหากเริ่มราคาการประมูลที่ราคาขั้นต่ำกว่า 75,000 ล้านบาท ผู้ชนะการประมูลที่ไม่ชำระจะต้องดำเนินการชำระส่วนต่างที่หายไป ซึ่งเป็นไปตามกฏหมายและเงื่อนไขการประมูลที่กำหนดไว้
ทั้งนี้ ตามกฏหมายแล้วการตั้งราคาและเงื่อนไขการประมูล พระราชบัญญัติคุ้มครองให้ กสทช. มีอำนาจในการตั้งราคา ซึ่งหากผู้ประกอบการรายใดเห็นว่า ไม่ยุติธรรม ต่อราคาเริ่มต้นการประมูลที่จะเกิดขึ้นนั้น สามารถฟ้องตัวกฏหมายได้ แต่ไม่สามารถฟ้องร้องบุคคลได้ เนื่องจาก กสทช.ไม่ได้มีอำนาจในการบังคับผู้เข้าร่วมประมูลให้เข้าร่วมประมูล ซึ่งผู้เข้าร่วมประมูลเข้ามา การประมูลในแต่ละครั้งเป็นการประมูลไม่ขึ้นอยู่กับการประมูลอื่น ไม่สามารถเชื่อมโยงกันได้ ซึ่งหากผู้ประกอบการรายใดคิดว่าเสียสิทธิที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถฟ้องร้องต่อศาลปกครองได้
นายแพทย์ ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กสทช. ด้านคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงาน กสทช.อยู่ระหว่างจัดทำร่างเพื่อให้บอร์ด กทค.ลงมติเห็นชอบเพื่อจัดทำราคาเริ่มต้นการประมูล 4G ที่ 75,000 ล้านบาท ซึ่งบอร์ดแต่ละท่านยังไม่ได้มีมติข้อสรุป โดยส่วนตัวได้เสนอความเห็นในเรื่องราคาเริ่มต้นการประมูลโดยคิดจากราคาความต้องการของตลาด ซึ่งจะมาจากความต้องการของ ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (โอเปอร์เรเตอร์) ทั้ง 4 รายที่ได้เสนอที่ทำการหยุดเคาะราคาที่ราคา 70,000 ล้านบาท โดยหากนำราคาที่ บริษัท แจส มาเป็นราคาเริ่มต้นการประมูลจะมีความสุ่มเสี่ยงมาก ต่อราคาที่โอเปอร์เรเตอร์ไม่มีความต้องการและทำให้เกิดความไม่ต้องการคลื่นดังกล่าวได้
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบต่อการไม่ชำระค่าประมูล 4G ดังกล่าว จะส่งผลกระทบทางทางตรงและทางอ้อม ซึ่งหาก กสทช.จะต้องจัดการประมูลใหม่ และทำให้การประมูลใหม่นั้น ได้มูลค่าคลื่นความถี่ที่ต่ำกว่าการประมูลในครั้งแรก สิ่งที่ กสทช.จะต้องดำเนินการคือการฟ้องร้องต่อโอเปอร์เรเตอร์นั้น เพื่อชำระส่วนต่างที่รัฐสูญเสียไป รวมไปถึงค่าจัดการประมูลเช่นกัน ซึ่งหากจะต้องมีการจัดการประมูลและเกิดความล่าช้า จะยิ่งทำให้มูลค่าคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz ตกไป ขณะที่การนำคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz ไปเปิดประมูลในปีเดียวกับการประมูลคลื่นควาถี่ย่าน 1800 MHz และ 2600 MHz ยิ่งจะส่งผลให้ราคาคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz ตกอย่างแน่นอน
"เราจะต้องยิ่งทำการประมูลให้เร็วขึ้น ซึ่งหากทำการประมูลล่าช้า จะทำให้เราไม่สามารถฟ้องร้องค่าเสียหายทางการประมูลได้ และทำให้ราคาคลื่น 900 MHz ยิ่งราคาตกไป เพราะความต้องการทางการตลาดมีคลื่นความถี่ย่านอื่นๆ ที่กสทช.จะเปิดประมูลทำให้มีคลื่นความถี่ให้เลือกมากกว่า" นายแพทย์ ประวิทย์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี