4 ก.ค.59 นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอ เปิดเผยว่า แนวโน้มปี 2559 การยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนกับบีโอไอจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ในระดับ 45,0000 ล้านบาทจากที่ครึ่งปีแรกประเมินว่าจะมีการยื่นคำขอ 300,000 ล้านบาท ส่วนเม็ดเงินลงทุนจริงปีนี้จากโครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนไปแล้วก่อนหน้า คาดว่า จะมีวงเงิน 600,000-700,000 ล้านบาท จากไตรมาสแรกปี 59 มียอดลงทุนจริงแล้ว 100,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2558
โดยเป็นผลจากการเดินทางไปชักชวนนักลงทุน(โรดโชว์) กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในไทย ประกอบกับรัฐบาลมีการเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศมากขึ้น รวมถึงนโยบายผลักดันการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษอย่างเป็นรูปธรรมเป็นปัจจัยสร้างความเชื่อมั่นในสายตาต่างชาติมากขึ้น
นอกจากนี้ ส่วนหนึ่งยังเป็นผลจากการกำหนดให้นักลงทุนที่จะได้รับสิทธิประโยชน์การลงทุนใน 10 พื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษต้องยื่นคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสิ้นสุดภายในวันที่ 30 มิ.ย.59ที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนยื่นคำขอรับการส่งเสริมเข้ามามาก โดย 3 เดือนแรกที่ผ่านมา (ม.ค.-มี.ค.59) มีหลายกิจการเริ่มทยอยลงทุนจริงแล้วคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1 แสนล้านบาท
สำหรับภาพรวมนักลงทุนยื่นโครงการของรับส่งเสริมการลงทุนกับบีโอไอในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้ เชื่อมั่นว่า จะเป็นอัตราเร่งมากขึ้นกว่าครึ่งปีแรกและต่อเนื่องถึงปี 60 จากมาตรการส่งเสริมการลงทุนต่างๆ ของรัฐที่ทยอยออกมาโดยเฉพาะการเร่งขับเคลื่อนพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษตะวันออก(EEC) รวมถึงการแก้ไขกฎหมายบีโอไอให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเงินได้นิติบุคคล จากเดิมให้ 8 ปี เป็น 13 ปี และแทคอลาวัล หรือ 'หักค่าใช้จ่ายสำหรับการลงทุน' สามารถนำมาหักกำไรเพื่อเสียภาษีเงินได้ในอัตราที่ลดลง
ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงมองไทยเป็นฐานการลงทุนที่สำคัญโดยจากการที่รองนายกรัฐมนตรีนำคณะไป 3 ประเทศที่ผ่านมาได้แก่ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน เพื่อชักจูงการลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายซึ่งนักลงทุนตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งบีโอไอได้โรดโชว์เจาะกลุ่มบริษัทเป้าหมายรายบริษัทที่โฟกัสการลงทุนประมาณ 17 รายนั้นพบว่า ขณะนี้มีการทยอยเข้ามายื่นคำขอรับส่งเสริมการลงทุนแล้วโดยเป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น 4 รายเป็นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับอาหารด้านสุขภาพ ยา เครื่องมือแพทย์ ชิ้นส่วนยานยนต์ เกาหลี 1รายเป็นกิจการซอฟแวร์ ส่วนจีนกำลังจะยื่นขอเป็นกิจการออฟติคไฟเบอร์และชิ้นส่วนอิเลคโทรนิกส์
นางหิรัญญา กล่าวว่า อุตสาหกรรมด้านชิ้นส่วนโทรมนาคม ไฟเบอร์ออฟติคกำลังเป็นอุตสาหกรรมใหม่ที่นักลงทุนเริ่มสนใจหลังจากไทยได้เปิดใช้คลื่นความถี่ระบบ4 Gขณะที่อุตสาหกรมการแพทย์ก็ได้รับความสน ส่วนอุตสาหกรรมหุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรมนักลงทุนสนใจประเทศไทยมากแต่ยอมรับว่าตลาดยังมีความต้องการต่ำจึงต้องรอเวลาดังนั้นจึงมีการเข้ามาตั้งออฟฟิศจากญี่ปุ่น 2 รายแล้วเพื่อติดตามซึ่งอนาคตจะมีการลงทุนแน่นอน
"การส่งเสริมฯลงทุนเฉพาะในส่วนของบีโอไอมองว่าทิศทางครึ่งปีหลัง 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายจะเริ่มเห็นชัด. โดยจะเห็นว่าการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศและบริษัทการค้าระหว่างประเทศหรือ IHQ/ICT ขณะนี้มี64บริษัทแล้วถือเป็นสัญญานที่ดี และผลสำรวจขององค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ เจโทร กรุงเทพฯ พบว่า นักลงทุนญี่ปุ่นยังสนใจลงทุนในประเทศไทยมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในเอเชีย รองจากประเทศสิงคโปร์"นางหิรัญญากล่าว
สำหรับอุตสาหกรรมที่นักลงทุนสนใจจะเข้ามาลงทุนในไทย จะอยู่ใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย และภาคบริการ ได้แก่ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีสูง อาหารเพื่อสุขภาพ ชิ้นส่วนโทรคมนาคมอย่างออฟติกไฟเบอร์ และเครื่องมือแพทย์ เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี