นายศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ถึงความคืบหน้าการจัดทำยุทธศาสตร์เศรษฐกิจชีวภาพ และอาหาร ว่า ในยุทธศาสตร์เศรษฐกิจชีวภาพ ตั้งเป้าที่จะรองรับและเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตการเกษตร 3 ชนิด ได้แก่ อ้อย มันสำปะหลัง และปาล์ม ล่าสุดสรุปว่าจะตั้งนิคมอุตส าหกรรมชีวภาพ 3 แห่ง ได้แก่ 1.พื้นที่เขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) 2. จังหวัดขอนแก่น และ 3. จังหวัดนครสวรรค์
สำหรับพื้นที่อีอีซี จะเป็นของ บริษัท ปตท.ซึ่งจะ เน้นการผลิตพลาสติกชีวภาพ และการนำน้ำมันปาล์มมาผลิตเป็นวัตถุดิบเคมีชีวภาพ ในพื้นที่จังหวัดของแก่น จะดำเนินงานโดยกลุ่มมิตรผล ผลิตพลาสติกชีวภาพ และพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา จะดำเนินงานโดยกลุ่ม ปตท. และกลุ่มเกษตรรุ่งเรือง ผลิตเอทานอลและพลาสติกชีวภาพ
ทั้งนี้ ในยุทธศาสตร์ดังกล่าวมีระยะเวลา 10 ปี คาดว่าเกษตรกรอ้อย มันสำปะหลัง และปาล์ม จะมีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่เฉลี่ย 3 พันบาทต่อรายต่อเดือน เพิ่มเป็น 8.5 พันบาทต่อรายต่อเดือน ในช่วงท้ายแผน 10 ปี โดยจะเพิ่มมูลค่าผลผลิตการเกษตร 3 ตัวนี้ ไปสู่ผลิตภัณฑ์ไบโอเอ็นเนอร์ยี่ ไบโอเคมิคัล และไบโอฟาร์มา
“โดยในวันที่ 9 มกราคมนี้ จะมีการหารือในกลุ่มสานพลังประชารัฐ ด้านการพัฒนาคลัสเตอร์ภาคอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (D5) จากนั้นก็จะนำข้อสรุปเสนอรมว.อุตสาหกรรม และคณะรัฐมนตรี(ครม.)ต่อไปซึ่งจะมีการหารือเพิ่มเติมในเรื่องของสิ่งแวดล้อม การกระตุ้นการบริโภคพลาสติกชีวภาพ เช่น การลดหย่อนภาษีได้ 300% สำหรับธุรกิจที่ใช้พลาสติกชีวภาพ และการห้ามใช้พลาสติกที่ได้จากปิโตรเคมีในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติ เป็นต้น และปรับปรุงสิทธิประโยชน์ของคณะ กรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และการผลิตบุคลากรรองรับอุตสาหกรรมนี้”
นายศิริรุจกล่าว
ขณะที่การส่งเสริมเศรษฐกิจชีวภาพ จำเป็นที่จะต้องแก้ไขกฎหมาย กฎระเบียบบางอย่างที่เป็นอุปสรรค เช่น กฎระเบียบการตั้งโรงงานน้ำตาลที่ต้องมีระยะห่างไม่ต่ำกว่า 50 กิโลเมตร เพื่อป้องกันการแย่งวัตถุดิบ ซึ่งขณะนี้ มีโรงงานน้ำตาลบางราย จะต่อยอดตั้งโรงงานผลิตเอทานอลที่ใช้วัตถุดิบน้ำอ้อย ก็อาจจะติดปัญหาระยะห่าง 50 กิโลเมตรนี้ เป็นต้น ดังนั้นจึงต้องทำการปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ ให้เอื้อต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมชีวภาพ
ส่วนยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมอาหาร จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ส่งออก และส่วนที่บริโภคภายในประเทศ โดยส่วนสินค้าส่งออก
จะส่งเสริมให้เกิดผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทานแบบใหม่ๆ มีเมนูใหม่ๆ มีระยะเวลาการเก็บรักษาที่ยาวนาน และมีรสชาติที่ถูกใจชาวต่างชาติ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตรภายในประเทศ ส่วนสินค้าที่บริโภคภายในประเทศ จะเน้นในเรื่องคุณภาพมาตรฐานสินค้า โดยเฉพาะสตรีทฟู้ดจะต้องมีมาตรฐานความปลอดภัยในระดับสูง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้บริโภคภายในประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี