เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2561 นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม หารือร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการและภาคเอกชนในพื้นที่ภาคตะวันออกประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ระหว่างเดินทางไปร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อย่างเป็นทางการนอกสถานที่จังหวัดจันทบุรี ระหว่างวันที่ 5-6 กุมภาพันธ์ เพื่อเสนอที่ประชุมครม.พิจารณาโครงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (Eastern Fruit Corridor : EFC) หวังเป็นตลาดกลางประมูลผลไม้คุณภาพสูง
นายอุตตมกล่าวว่าปัจจุบันการซื้อขายผลไม้ของเกษตรกรมักตกลงราคาซื้อขายกันล่วงหน้าระหว่างเกษตรกรและผู้ซื้อโดยตรง ซื้อขายผลไม้แบบยกสวน และจ่ายเงินมัดจำล่วงหน้าให้เกษตรกรผู้ผลิต ทำให้เกษตรกรไม่สามารถต่อรองราคาผลไม้ได้ กระทรวงอุตสาหกรรมจึงต้องการสร้างมาตรฐานระบบการซื้อขายผลไม้ให้เป็นสากลเชื่อมโยงกับผู้ค้าในตลาดโลก เกษตรกรมีอำนาจต่อรองด้านราคากับผู้ซื้อได้
สำหรับโครงการ EFC ตั้งอยู่ในนิคม Smart Park จ.ระยอง ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ใช้งบประมาณ 1,580 ล้านบาท คาดว่ามีมูลค่าการลงทุนและการซื้อขายผลไม้ในโครงการ EFC ประมาณ 51,931 ล้านบาท โดยระบบตลาดกลางประมูลผลไม้คุณภาพสูงของภาคตะวันออกมีแนวทางการพัฒนาระบบที่ทันสมัยมีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล พัฒนาระบบมาตรฐานสินค้าเกษตร ด้วยระบบตลาดประมูลไม้ดอกจากประเทศเนเธอร์แลนด์มาประยุกต์ให้เป็นระบบตลาดประมูลซื้อขายผลไม้
จากโครงการดังกล่าวคาดว่าจะทำให้เกษตรกรในพื้นที่ภาคตะวันออกจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 2-3 เท่า ลดปัญหาผลผลิตทางการเกษตรขาดแคลน หรือล้นตลาด แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ทำให้เกิดการลงทุนใหม่ของนักธุรกิจที่เกี่ยวข้องเกษตร มีมูลค่าการส่งออกผลไม้สดและผลไม้แปรรูปเพิ่มขึ้น เกิดการจ้างงานใหม่ในพื้นที่ภาคตะวันออก และลดภาระงบประมาณของรัฐบาลในการอุดหนุนราคาสินค้าเกษตรระยะยาว
นอกจากนี้เอกชนมีความต้องการให้รัฐบาลช่วยลดต้นทุนการผลิต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน กระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้มีแนวทางแก้ไข โดยใช้มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารธุรกิจ SME มีระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่ปีงบประมาณ 2561-2563 โดย SME ที่เข้าร่วมโครงการจะลดต้นทุนการผลิตได้ 10% ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายหรือลด ต้นทุนได้ประมาณ 3-5% ของต้นทุนทั้งหมด
นายสมชาย หาญหิรัญ รมช.อุตสาหกรรม กล่าวภายหลังลงพื้นที่เยี่ยมชมโรงงานของบริษัท สยามโปรฟรุตส์ จำกัด ตำบลแสลง อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ผู้ผลิตน้ำผลไม้และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ว่าได้ร่วมหารือกับผู้บริหารบริษัท ที่มีปัญหาการขยายกิจการ ไม่สามารถสร้างห้องเย็นได้ เนื่องจากยังรอประกาศใช้ผังเมืองจันทบุรีใหม่ ที่มีการแก้ไขแล้ว จึงทำให้ปัจจุบันนี้ไม่มีห้องเย็นเก็บวัตถุดิบที่รับซื้อจากชาวสวนจึงต้องใช้วิธีการเช่าห้องเย็นเป็นรายเดือนซึ่งมีค่าใช้จ่ายประมาณเดือนละ 1 ล้านบาท ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นผู้ประกอบการต้องการให้รัฐบาลประกาศใช้กฎหมายผังเมืองเพื่อผู้ประกอบการสามารถขยายโรงงาน และสร้างห้องเย็นได้
ทั้งนี้จะนำปัญหาดังกล่าวรายงานให้ครม.ได้รับทราบ พร้อมได้สั่งการให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank) เร่งรัดการปล่อยเงินกู้สินเชื่อ SME ที่ผ่านการให้ความเห็นชอบจากคณะกรรมการระดับจังหวัดแล้ว เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการในเบื้องต้นและเป็นทุนให้ผู้ประกอบการพร้อมที่จะขยายโรงงานได้ทันที เมื่อกฎหมายผังเมืองประกาศใช้
นอกจากนี้ยังได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงเกษตร วิสาหกิจชุมชนเกษตรเพื่อสุขภาพบ้านปัถวี อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี หนึ่งในโครงการหมู่บ้าน อุตสาหกรรมชุมชนเชื่อมโยงการท่องเที่ยว (CIV4.0) ตามมาตรการยกระดับเศรษฐกิจฐานชุมชน (Local Economy) โดยหมู่บ้านแห่งนี้มีความต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานโดยรอบหมู่บ้าน เพื่อรองรับการเป็นแหล่งท่องเที่ยวของหมู่บ้านอุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์ และปริมาณนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวหมู่บ้านเพิ่มขึ้นในอนาคต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี