นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง.ในวันที่ 28 มีนาคม 2561 ว่า คณะกรรมการ มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปีโดย 1 เสียงให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 1.50% เป็น 1.75%ต่อปี คณะกรรมการ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องและดีกว่าที่ประเมินไว้เมื่อไตรมาสก่อน โดยได้รับแรงส่งจากทั้งภาคต่างประเทศและอุปสงค์ในประเทศที่ทยอยปรับดีขึ้น กรรมการส่วนใหญ่เห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในระดับปัจจุบันมีส่วนช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจและเอื้อให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายได้แม้อาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้
ภาวะการเงินโดยรวมอยู่ในระดับผ่อนคลายและเอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ สภาพคล่องในระบบการเงินอยู่ในระดับสูง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลและอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงยังอยู่ในระดับต่ำทำให้ภาคเอกชนยังสามารถระดมทุนได้ต่อเนื่อง ด้านอัตราแลกเปลี่ยน ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนสูงขึ้นสาเหตุหลักจากความไม่แน่นอนของนโยบายการเงิน การคลัง และการค้าระหว่างประเทศ ของประเทศอุตสาหกรรมหลัก คณะกรรมการ จึงเห็นควรให้ติดตามสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนและผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดต่อไป
ขณะที่การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในภาพรวมมีแนวโน้มชัดเจนมากขึ้นโดยเฉพาะจากปัจจัยด้านต่างประเทศ ขณะที่ยังต้องติดตามความเข้มแข็งของการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศและพัฒนาการเงินเฟ้อ คณะกรรมการ จึงเห็นว่านโยบายการเงินควรอยู่ในระดับผ่อนปรนต่อไป โดยพร้อมใช้เครื่องมือเชิงนโยบายที่มีอยู่เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพระบบการเงินของประเทศ
นอกจากนี้ คณะกรรมการได้ปรับคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจหรือจีดีพีปี 2561 ขึ้นเป็น 4.1% จากเดิมอยู่ที่ 3.9% ปี 2562 อยู่ที่ 4.1% มองว่าเศรษฐกิจขยายตัวดีทั้งจากปัจจัยภายในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้น แต่ก็กังวลว่าเศรษฐกิจที่ขยายตัวดี แต่ยังส่งผ่านไปยังครัวเรือนยังไม่ทั่วถึง
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่าในภาวะที่เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว แต่ยังไม่กระจายตัวไปตามพื้นที่ต่างๆ ที่ได้คาดการณ์ไว้ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำกว่ากรอบที่กำหนดไว้ จึงต้องการให้กนง.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับปัจจุบันที่ 1.50% ต่อไป และต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้
ที่ผ่านมามีการหารือพูดคุยกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการให้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่านั้นไม่ได้เข้าไปแทรกแซง เชื่อว่าความเห็นของกระทรวงการคลังทางกนง.จะใช้ประกอบในการพิจารณาเพราะว่าถ้ามองตามภาพรวมเศรษฐกิจแล้วมันฟื้นจริงแต่ยังไม่กระจายตัว
ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำต้องดูว่าทำอย่างไรให้เศรษฐกิจโตกระจายตัวมากขึ้น
ส่วนภาคการส่งออกของไทยเชื่อว่าจะยังขยายตัวได้ตามเป้าหมาย แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือ ปัญหาสงครามการค้าโลกระหว่างจีนและสหรัฐฯ ภายหลังมีการสร้างกำแพงภาษีไว้สูงมากกว่าเดิมจะส่งผลกระทบไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วยที่ต้องส่งออกสินค้าไปยังประเทศเหล่านี้ อย่างไรก็ดี หากกำแพงภาษีเกิดขึ้นกับทุกประเทศก็จะได้รับผลกระทบเท่าเทียมกัน ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบกัน เชื่อมั่นว่ากระทรวงพาณิชย์จะดูแลเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีไม่ให้ไทยได้รับผลกระทบ รวมทั้งมีนักวิชาการบางส่วนกลับมองมุมบวกว่าจะส่งผลดีกับไทย เนื่องจากจะมีการเข้ามาค้าขายกับไทยเพิ่มมากขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี