นายศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เอ็มพีไอ) เดือนมีนาคม 2561 ขยายตัว 2.62% อยู่ที่ระดับ 128.80 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ทีระดับ 125.51 นับเป็นการขยายตัวต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 11 ประกอบกับอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 76.06% สูงสุดในรอบ 60 เดือนนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2556 ส่งผลให้เอ็มพีไอไตรมาส 1/2561 ขยายตัว 3.93%
การที่เอ็มพีไอขยายตัว เนื่องจากการส่งออกและกำลังซื้อในประเทศฟื้นตัวดีต่อเนื่องไปในทิศทางเดียวกันตามภาวะเศรษฐกิจโลก เห็นได้จากอุตสาหกรรมรถยนต์และเครื่องยนต์เดือนมีนาคม 2561 ขยายตัว 11.01% จากยอดขายในประเทศและส่งออกที่เติบโตได้ดีอุตสาหกรรมน้ำตาลทรายขยายตัว 25.59% อุตสาหกรรมน้ำมันปิโตรเลียมขยายตัว 21.98%ตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศและปริมาณรถยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้นตลอดจนการท่องเที่ยวที่ขยายตัวสูง
อุตสาหกรรมเม็ดพลาสติกขยายตัว17.67% เนื่องจากผู้ผลิตบางรายขยายกำลังการผลิต และอุตสาหกรรมน้ำมันพืชขยายตัว 34.92% ที่สภาพอากาศเอื้ออำนวยส่งผลให้มีผลผลิตปาล์มเพิ่มขึ้น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ยังขยายตัว 3.33% ตามการขยายตัวของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์โลก และอุตสาหกรรมอาหารขยายตัว 22.2% จากการบริโภคในประเทศและการส่งออกที่ขยายตัวต่อเนื่อง
นายศิริรุจกล่าวว่าแม้อัตราการขยายตัวของเอ็มพีไอที่ขยายตัว 2.62% จะชะลอตัวจากช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ แต่ก็เป็นผลจากการลดลงตามฤดูกาลและจากการเร่งกำลังการผลิตช่วงก่อนหน้าหากพิจารณาเดือนต่อเดือนจะเห็นภาพอุตสาหกรรมไม่ชัดเจน แต่หากเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนจะเห็นชัดเจนว่าเศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวค่อนข้างสูง สศอ.จึงยังคงประมาณการเอ็มพีไอปี 2561 ไว้ที่ 2.5-3% และอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) อุตสาหกรรมปีนี้ทั้งปีคงประมาณการอยู่ที่ 2-3% ซึ่งจะมีการพิจารณาทบทวนอีกครั้งช่วงกลางปี
“สศอ.ยังคงต้องติดตามเอ็มพีไอเดือนเมษายนนี้อาจมีแนวโน้มลดลงจากช่วงเดือนก่อนหน้าตามวันหยุดทำการติดต่อกันหลายวันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทำให้มีวันทำงานน้อยลง แต่ส่วนตัวมองว่ยังมีแนวโน้มขยายตัวสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และอาหารตามภาวะเศรษฐกิจปีนี้ที่ฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก และมองว่าการลงทุนของอาลีบาบาในระบบการค้าออนไลน์จะส่งผลดีต่อภาพรวมการส่งออกสินค้าไทยชัดเจนภายใน 2 ปีนับจากนี้” นายศิริรุจกล่าว
นอกจากนี้ยังมั่นใจว่าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบรางเชื่อม 3 สนามบินและการลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ที่ไทยตั้งเป้าหมายเป็นศูนย์กลางดิจิทัลฮับในภูมิภาคจะสร้างความเชื่อมั่นต่อทั้งนักลงทุนในและต่างประเทศได้แน่นอน รวมถึงแผนการลงทุนภาครัฐที่คาดว่าจะลงทุน 1.5 ล้านล้านบาท จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนในระยะต่อไป
นายศิริรุจกล่าวว่าการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทยังมีเสถียรภาพ แต่ผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่มอาหารและสิ่งทอต้องปรับตัวและพัฒนาสินค้าให้มีมูลค่าสูงขึ้น มีการวางแผนตลาดควบคู่กันไปส่วนข้อกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนประเมินว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อไทยมากนักเพราะในที่สุดเชื่อว่าสหรัฐคงไม่ประกาศมาตรการกีดกันการค้ามากขึ้นเนื่องจากพื้นฐานสหรัฐยังคงต้องพึ่งพาสินค้านำเข้าจากต่างประเทศโดยเฉพาะจีนเป็นหลักดังนั้นหากสหรัฐขึ้นภาษีสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้นสุดท้ายผลกระทบ ก็จะตกอยู่ที่ประชาชนของสหรัฐเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี