23 พ.ค.61 นายเทวินทร์ วงษ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับแผนธุรกิจของ ปตท.จะเดินหน้าทั้งธุรกิจหลักที่ดำเนินการอยู่และธุรกิจใหม่เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี เพื่อรองรับฟอสซิลที่จะลดลงในอนาคต โดยธุรกิจหลักอย่างน้ำมันคาดว่าจะเป็นเชื้อเพลิงที่มีความสำคัญในช่วง 10-20 ปีข้างหน้า ก่อนมุ่งสู่รถยนต์ไฟฟ้า(อีวี)
นอกจากนี้จะมุ่งธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี) เพราะยังมีแนวโน้มเติบโตยาวนานกว่าน้ำมัน โดย ปตท.ตั้งเป้าหมายเข้าสู่ธุรกิจก๊าซแอลเอ็นจีตลอดห่วงโซ่อุปทาน รูปแบบคล้ายธุรกิจน้ำมัน ที่จะมุ่งทั้งการผลิต การขนส่ง โดยจะรอดูความชัดเจนจากสัญญาซื้อขายแอลเอ็นจี ระหว่างปตท.กับโมซัมบิก ที่เดิมจะทำสัญญาระยะยาว 2.6 ล้านตันต่อปี แต่ล่าสุดกระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างพิจารณาความชัดเจนว่าทำสัญญาแบบระยะยาวหรือไม่
“หากรัฐบาลมีนโยบายชัดเจนว่าให้ปตท.นำเข้าแอลเอ็นจี เพื่อใช้ในประเทศไทยเป็นหลักก็พร้อมปฏิบัติตาม แต่หากไม่อนุมัติปตท.ก็พร้อมจะนำเข้าแอลเอ็นจีเพื่อนำมาในประเทศและขายให้กับประเทศที่มีความต้องการใช้ อาทิ เมียนมา กัมพูชา อินโดนีเซีย และมาเลเซีย” นายเทวินทร์ กล่าว
อย่างไรก็ดี ปตท.จะมุ่งธุรกิจผลิตไฟฟ้า ทั้งไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซ พลังงานทดแทน ที่ปัจจุบันมีบริษัทลูกเข้าไปลงทุนแล้ว ขณะเดียวกันก็พร้อมจะลงทุนในระบบกักเก็บพลังงาน รถยนต์ไฟฟ้า(อีวี) และสถานีชาร์ท ส่วนรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม3สนามบิน ปตท.มีความสนใจในการยื่นซื้อซองประมูล โดยจะศึกษารายละเอียดอีกครั้งก่อนตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้าย รวมทั้งจะศึกษาธุรกิจดิจิทัล ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐบาลให้ความสำคัญ
นอกจากนี้บริษัทได้มีการหารือกับทางรัฐบาลโมซัมบิกในการเจรจาสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี) โดยต้องการให้มีความยืดหยุ่นจากสัญญาเดิมเพิ่มขึ้นในกรณีของประเทศส่งออกปลายทางที่ ปตท. นำเข้ามาและสามารถส่งไปขายในประเทศอื่น ๆ ได้ ในลักษณะเป็นดีลเลอร์ เหมือนกับตลาดน้ำมัน ซึ่งปัจจุบันต้องติดตามความชัดเจนของรัฐบาลฝ่ายไทย ว่าจะมีการอนุมัติในแนวไหน โดยสัญญาซื้อขายยังตั้งเป้าให้เป็นระยะยาว(ลองเทิร์ม)ระยะเวลา 15-20 ปี ในจำนวน 2.6 ล้านตันต่อปี
“สัญญาซื้อขายแอลเอ็นจีที่ ปตท. มีอยู่ในปัจจุบันคือ สัญญากับกาต้า 2 ล้านตันต่อปี สัญญากับบริษัท เชลล์ บีพี 2 ล้านตันต่อปี และบริษัท ปิโตรนาส 1.2 ล้านตันต่อปี รวมเป็น 5.2 ล้านตันต่อปี” นายเทวินทร์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี