นางภัทรวดี กล่อมจรูญ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง (สมาคมรถร่วมฯ) เปิดเผยเกี่ยวกับกรณีที่ทางสมาคมฯต้องการยื่นหนังสือต่อทางกระทรวงคมนาคมเพื่อขอขึ้นค่าโดยสารของรถ 4 บาท ว่า สาเหตุของการขอขึ้นค่าโดยสาร 4 บาท ของรถร่วมฯนั้นมาจาก 2 ปัจจัยได้แก่ 1.จากผลการศึกษาในช่วงของสมัย พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่ได้มีการศึกษาการขึ้นอัตราค่าโดยสารไว้แต่ยังไม่เคยมีการนำมาปฏิบัติและปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้คิดเป็นปัจจัยต้นทุนได้ประมาณ 3 บาท และ2.ในส่วนอีก 1 บาทนั้นมาจากราคาก๊าซเชื้อเพลิงธรรมชาติ (NGV) ที่มีการปรับตัวเพิ่ม 0.62 บาทต่อลิตร จึงส่งผลให้ก๊าซ NGV ของรถเมล์ร้อน เพิ่มประมาณ 100 บาทต่อวันต่อคัน และรถเมล์ปรับอากาศเพิ่มประมาณ 200 บาทต่อวันต่อคัน รวมถึงเมื่อรวมกับปัจจัยค่าแรงงานจากเดิม 310 บาท เป็น 325 บาท จึงทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น
“ตามหลักการกลุ่มรถร่วมคงต้องยกเลิกการให้บริการ แต่พนักงานลูกจ้างต้องเดือดร้อนและประชาชนจะไม่มีรถให้บริการจึงยังไม่สามารถยกเลิกได้ หากรัฐต้องการให้ซื้อรถใหม่ตามมาตรฐานของกรมการขนส่งทางบกทางผู้ประกอบการคงไม่สามารถทำได้เพราะไม่เคยได้รับความชัดเจนจากทางภาครัฐแม้ว่าจะมีการศึกษาเรื่องค่าโดยสารมานานกว่า 3 ปี”
นางภัทรวดี กล่าว
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น ทางผู้ประกอบการรถร่วมจะเข้าหารือกับทางกระทรวงคมนาคมในช่วงปลายเดือน พ.ค.นี้ แต่รอทางกรมการขนส่งทางบกและองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) จะมีการหารือกับทางกระทรวงคมนาคมก่อน
ขณะที่ นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะรองโฆษกกระทรวงคมนาคม ย้ำว่า กระทรวงมีนโยบายที่ชัดเจนในการตรึงอัตราค่าบริการ ไม่ให้มีผลกระทบต่อค่าครองชีพ และขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการภาคเอกชนให้ชะลอการปรับขึ้นค่าโดยสารไว้ก่อน พร้อมจะหารือกับหน่วยงานที่รับผิดชอบให้หาแนวทางมาตรการเยียวยาช่วยเหลือ
ผู้ประกอบการต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี