นางสาวนฤมล ศิริทรงธรรม นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการ กองพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า อุตสาหกรรมแฟชั่นและไลฟ์สไตส์ เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย สร้างมูลค่าการส่งออกปี 2560 เป็นเงิน 22,360 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณกว่า 738,037 ล้านบาท)
แบ่งเป็นมูลค่าการส่งออกในสาขาอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ 14,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณกว่า 462,098 ล้านบาท) สาขาอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม 6,700 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณกว่า 221,147 ล้านบาท) สาขาอุตสาหกรรมรองเท้าและเครื่องหนัง 1,660 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณกว่า 54,791 ล้านบาท)
แต่ปัจจุบันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) ในอุตสาหกรรมแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ ส่วนใหญ่ยังดำเนินธุรกิจแบบผู้รับจ้างผลิตให้กับลูกค้า (โออีเอ็ม) ขาดความรู้ความเข้าใจในด้านการออกแบบเชิงสร้างสรรค์การปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในภาคการผลิต
รัฐบาลจึงมีนโยบายสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภาคธุรกิจเอสเอ็มอี โดยการส่งเสริมให้เกิดประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตเพิ่มขึ้นส่งผลให้เกิดการพัฒนาสินค้าและบริการจนสามารถพัฒนาศักยภาพในการสร้างแบรนด์ของตนเองให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้ต่อไป (Shift from OEM to ODM to OBM)
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โดยกองพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ได้ร่วมมือกับศูนย์วิจัยด้านการจัดการยุทธศาสตร์และการปฏิบัติการมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ดำเนินกิจกรรมปรึกษาแนะนำเชิงลึกการพัฒนาศักยภาพด้านการออกแบบ แก่เอสเอ็มอีภายใต้กิจกรรมการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมแฟชั่นและไลฟ์สไตล์เพื่อสร้างคุณค่าในสินค้าหรือบริการ (Value Creation) และต่อยอดการผลิตสู่เชิงพาณิชย์สร้างความเข้มแข็งและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในระดับสากล
“อุตสาหกรรมแฟชั่นถือได้ว่ามีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจปัจจุบันมีผู้ประกอบการกว่า 1 แสนราย ก่อให้เกิดการจ้างงานมากกว่า 8 แสนคน มีมูลค่า การลงทุนและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง ประกอบด้วย 3 กลุ่ม 1.อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม 2.อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ และ 3.อุตสาหกรรมเครื่องหนังและผลิตภัณฑ์หนัง” นางสาวนฤมล กล่าว
จากข้อมูลเอสเอ็มอีของอุตสาหกรรมแฟชั่น พบว่ามีจำนวนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมแฟชั่นของไทยทั้งสิ้น 11,237 ราย แบ่งเป็นรายเล็ก 11,023 ราย และผู้ประกอบการขนาดกลาง 214 ราย แบ่งเป็นผู้ประกอบการภาคการผลิต 6,438 ราย และภาคการค้า 4,799 ราย โดยในจำนวนผู้ประกอบการภาคการผลิตแบ่งเป็นเครื่องนุ่งห่ม 4,038 ราย อัญมณีและเครื่องประดับ 1,263 ราย รองเท้าและเครื่องหนัง 1,137 ราย ซึ่งจะเห็นว่าอุตสาหกรรมแฟชั่นสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มและแข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้เป็นอย่างดี” นางสาวนฤมล กล่าว
โครงการดังกล่าวมุ่งหวังให้กลุ่มเป้าหมายซึ่งประกอบด้วยเอสเอ็มอีที่เกี่ยวข้องในภาคการผลิตของอุตสาหกรรมแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ และอุตสาหกรรมอนาคต (S-Curve) ที่สอดคล้องกับอุตสาหกรรมแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ในกลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวระดับคุณภาพและอุตสาหกรรมการแพทย์ และสาธารณสุข ไม่น้อยกว่า 50 กิจการ รวมทั้งนักออกแบบอุตสาหกรรม จำนวนไม่น้อยกว่า 25 ราย ได้พัฒนาออกแบบเชิงสร้างสรรค์มาต่อยอดการผลิตสู่เชิงพาณิชย์ และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันสร้างมูลค่าเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี