ปธ.กมธ.แก้ไขปัญหาภัยแล้งฯจากเอลนีโญห่วงงานสำรวจออกแบบโครงการผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์งบกว่า 1 หมื่นล้านสูญเปล่า หวั่นบริษัทฯ ผู้ออกแบบขาดองค์ความรู้และข้อมูลภูมิประเทศ
วันนี้ (27 เม.ย.67) นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ สส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย เขต 4 ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง อันเนื่องมาจากปรากฏการณ์เอลนีโญ กล่าวว่า กรมชลประทานได้ว่าจ้างกลุ่มผู้ให้บริการออกแบบ กิจการร่วมค้า 5 บริษัท ดำเนินการสำรวจ ออกแบบ โครงการผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์มาบรรเทาปัญหาภัยแล้ง จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเพิ่มศักยภาพน้ำต้นทุน บรรเทาภัยแล้งให้พื้นที่ในเขตอำเภอบ่อพลอย ห้วยกระเจา และเลาขวัญ และจัดหาแหล่งน้ำสำหรับพื้นที่ชลประทาน 414,000 ไร่ รวมทั้งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค ยกระดับคุณภาพชีวิตของราษฎรที่อยู่ในเขตพื้นที่โครงการ และบริเวณใกล้เคียง ตามนโยบายของรัฐบาล
รวมทั้งลดปัญหาการย้ายถิ่นฐานของราษฎร โดยการส่งเสริมให้ราษฎรในท้องถิ่นมีอาชีพการเกษตรกรรมที่มั่นคง ระยะเวลาการดำเนินงาน สำรวจ ออกแบ กำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 720 วัน เริ่มปฏิบัติงาน วันที่ 16 กันยายน 2566 สิ้นสุดสัญญา วันที่ 4 กันยายน 2568 และระหว่างวันที่ 23-26 เม.ย.กรมชลประทาน ได้มีการเปิดเวทีประชุมกลุ่มย่อยครั้งที่ 1 งานจ้างสำรวจ ออกแบบ โครงการผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง จังหวัดกาญจนบุรี รวม 6 เวที โดยเชิญผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่มาร่วมแสดงความคิดเห็นพร้อมกับเสนอแนะข้อกังวลต่างๆเพื่อให้บริษัทฯคู่สัญญาจ้างนำไปใช้ประกอบการศึกษาทางวิชาการเพื่อออกแบบโครงการฯ
โดยเมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น ตนได้ไปพบกับเจ้าหน้าที่ที่มาเปิดเวทีประชุมย่อยที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอเลาขวัญ พบว่าเจ้าที่วิศวกรของบริษัทที่มาไม่สามารถตอบคำถามของประชาชนได้เลย และในหลายพื้นที่ผมได้รับการร้องเรียนจากผู้นำท้องที่ ว่าการที่บริษัทออกมาเปิดเวทีแสดงความคิดเห็นไม่ได้มีข้อมูลและพื้นฐานในการที่จะวางคลองระบายน้ำหรือคลองไส้ไก่ หรือการกระทำที่เป็นประโยชน์ของโครงการฯ ที่สำคัญไม่พบเจ้าหน้าที่ของกรมชลประทานในพื้นที่ซึ่งเป็นเจ้าของเรื่องมาเป็นผู้นำในการสำรวจออกแบบ
ตนในฐานะ สส.จังหวัดกาญจนบุรี เขต 4 พรรคเพื่อไทย และในฐานะประธาน คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง อันเนื่องมาจากปรากฏการณ์เอลนีโญ จึงมีความรู้สึกเป็นห่วงว่าการออกแบบมันจะใช้ไม่ได้และไม่มีประสิทธิภาพ หากปล่อยให้ผ่านไปผลลัพธ์ที่ออกมาจะตกอยู่กับประชาชน เพราะการออกแบบคลองส่งน้ำไม่ใช่การสร้างถนน สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงคือความสูงต่ำจากระดับน้ำทะเลปานกลางของลำคลอง เพราะลำคลองจะต้องใช้ระบบกราวิตี้ เพื่อให้น้ำไหลและต้องรักษาแรงดันตั้งแต่ปากอุโมงค์ กลางอุโมงค์ ปลายอุโมงค์ไปถึงอ่างเก็บน้ำลำอีซูและบ่อพักน้ำหลุมรัง ถ้าปล่อยให้การออกแบบโดยขาดข้อมูลทางวิชาการและองค์ความรู้ด้านภูมิประเทศ เมื่อมีการก่อสร้างไปแล้วจะทำให้รัฐสูญเสียเงินภาษีของประชาชนโดยเปล่าประโยชน์ การสูญเสียงบประมาณจะ เริ่มตั้งแต่การศึกษาการออกแบบ ผมจึงเกรงว่าโครงการนี้จะล้มเหลว
"ผมขอฝากไปถึงท่านอธิบดีกรมชลประทาน รวมทั้งบริษัทและหน่วยงานที่จ้างให้ออกแบบ ก่อนออกแบบก่อสร้างโครงการ ตัวท่านต้องลงมาดูรายละเอียดทั้งพื้นที่จริงและข้อมูลทางวิชาการให้แน่ชัดเสียก่อน วันนี้ประชาชนในพื้นที่มีความวิตกกังวลว่าโครงการนี้ รัฐบาลจะเริ่มเสียเงินตั้งแต่การเริ่มศึกษาและออกแบบโดยไม่เกิดประโยชน์ใดๆกับประชาชนเลย จึงขอฝากไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเพาะอธิบดีกรมชลประทาน ซึ่งท่านต้องให้ความใส่ใจกับการออกแบบโครงการฯให้มากกว่านี้ เพราะมันเป็นจุดเริ่มต้นโดยแท้จริง"
นายศักดิ์ดา กล่าวต่อว่า ในฐานะผู้แทนที่อยู่ในพื้นที่เห็นการกระทำเรื่องการออกแบบโครงการผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ ในครั้งนี้แล้ว รู้สึกไม่สบายใจ จึงฝากเตือนไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องว่า ถ้าการออกแบบโครงการฯไม่คุ้มค่าและไม่เกิดประโยชน์ ซึ่งจะทำให้รัฐบาลสูญเสียเงินโดยใช่เหตุกว่า 1 หมื่นล้าน ผู้ว่าจ้างคือกรมชลประทาน ต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าการออกแบมาดีเชื่อว่าโครงการนี้จะมีประสิทธิภาพ แต่ท่านต้องลงมาดูพื้นที่ด้วยตัวเองเสียก่อน เพราะคนที่ลงมาในพื้นที่ไม่มีองค์ความรู้และไม่มีข้อมูลเชิงวิชาการเลย แล้วจะมาออกแบบโครงการระดับหมื่นล้านบาทนี้ได้อย่างไร - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี