กรมขนส่งฯเปิดตัวรถแท็กซี่หรู EV Taxi VIP ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า100%
16 ส.ค.61 ที่กรมการขนส่งทางบก นายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยนายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก , นายศุภจิตร สิงหนุ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการขนส่ง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) , ดร.ยศพงษ์ ลออนวล นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย , นายสรยุทธ เพ็ชรตระกูล กรรมการบริษัท บริษัท อีวี โซไซตี้ จำกัด และนายอภิชาติ ลีนุตพงษ์ กรรมการบริหาร บริษัท ไรเซน เอนเนอร์จี จำกัด แถลงข่าวเปิดตัว EV Taxi VIP 101 คันแรกของประเทศไทย ภายใต้โครงการ Taxi VIP ของกรมการขนส่งทางบก เพื่อยกระดับการให้บริการรถแท็กซี่ทัดเทียมมาตรฐานสากล โดยใช้ยานยนต์ไฟฟ้า BYD e6 (บีวายดี อีซิกซ์) ที่ขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้า 100%
นายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมมีแนวทางในการขับเคลื่อนส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าให้สูงขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล โดยที่ผ่านมากรมการขนส่งทางบกได้ออกประกาศ เรื่อง กำหนดกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ขับเคลื่อนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ และแนวทางการใช้รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กอย่างปลอดภัย ซึ่งทำให้เกิดการขับเคลื่อนสนับสนุนการเติบโตของของยานยนต์ไฟฟ้า และกระทรวงคมนาคมยังได้เร่งผลักดันให้เกิดการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในระบบขนส่งสาธารณะ ทำให้การเปิดตัว EV Taxi VIP ภายใต้การยกระดับมาตรฐานแท็กซี่ไทยโครงการ Taxi VIP ของกรมการขนส่งทางบก จะเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการสร้างระบบการคมนาคมขนส่งที่มีคุณภาพในทุกด้าน ทั้งการยกระดับการให้บริการระดับมืออาชีพ ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนขับแท็กซี่
พร้อมทั้งดูแลสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน โดยไม่ก่อให้เกิดมลพิษจากการคมนาคมขนส่งเพิ่มเติม อีกทั้งยังลดการใช้น้ำมันลง เนื่องจากรถที่นำมาใช้ให้บริการเป็น EV Taxi VIP เป็นรถที่ใช้พลังงานจากไฟฟ้า 100% ในการขับเคลื่อน เพิ่มจำนวน Taxi VIP ซึ่งเป็นการให้บริการรถหรูระดับพรีเมี่ยม ที่มีมาตรฐานครอบคลุมในทุกมิติตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด โดยมีสถานีอัดประจุไฟ Charging station ให้บริการทั้งหมด 30 แห่งทั่วกรุงเทพ เพียงพอกับความต้องการใช้งานของรถ EV Taxi VIP นอกจากนี้ รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้จัดพื้นที่จอดรถบริเวณชั้น 1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้กับรถ EV Taxi VIP ส่งเสริมความเป็น Smart Airport ให้กับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสร้างเป็นภาพลักษณ์ที่ดีต่อการท่องเที่ยวของประเทศ
ด้านนายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบกพร้อมให้การสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการขนส่งในการใช้รถโดยสารสาธารณะพลังงานทางเลือกที่มิตรต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยและการให้บริการ โดยเฉพาะการยกระดับมาตรฐานแท็กซี่ไทยให้มีคุณภาพความปลอดภัยและการให้บริการภายใต้โครงการ Taxi OK และ Taxi VIP โดยนำเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือบริหารสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนด้วยบริการด้วยรถสาธารณะที่ดีมีคุณภาพ โดยเฉพาะ Taxi VIP ซึ่งเป็นรูปแบบการให้บริการเดินทางที่เป็นทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับรองรับความต้องการกลุ่มผู้โดยสาร เช่น ลูกค้าองค์กรธุรกิจ, ธุรกิจโรงแรม, นักธุรกิจและนักท่องเที่ยว ที่ต้องการความหรูหราสะดวกสบายและการให้บริการในการเดินทางระดับพรีเมี่ยม
ในส่วนของความร่วมมือของภาคเอกชนครั้งนี้ บริษัท อีวี โซไซตี้ จำกัด ร่วมกับ บริษัท ไรเซน เอนเนอร์จี จำกัด ได้นำรถยนต์ไฟฟ้า BYD e6 (บีวายดี อีซิกซ์) มาให้บริการเป็น Taxi VIP ซึ่งจะเป็นรถแท็กซี่ไฟฟ้า 100% กลุ่มแรกของประเทศไทย เนื่องจากรถ BYD e6 เป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน จะพร้อมให้บริการ EV Taxi VIP ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 2561 เป็นต้นไป และบริษัทฯ ตั้งเป้ามีรถ EV Taxi VIP ให้บริการ 101 คัน ภายในปี 2561
ส่วนของสมรรถนะรถ BYD e6 เป็นไปตามมาตรฐาน Taxi VIP ของกรมการขนส่งทางบก ซึ่งกำหนดให้ต้องมีความปลอดภัยด้วยระบบช่วยเบรกแบบ ABS และมีถุงลมนิรภัยที่นั่งตอนหน้าอย่างน้อย 1 คู่ ติดตั้งอุปกรณ์ส่วนควบภายในรถเหมือนกับ Taxi OK ประกอบด้วย ติดตั้ง GPS Tracking พร้อมอุปกรณ์แสดงตัวผู้ขับรถ, มาตรค่าโดยสาร, ปุ่มฉุกเฉินสำหรับผู้โดยสารอย่างน้อย 1 จุด ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นได้และใช้งานสะดวก, กล้องบันทึกภาพภายในรถแบบ Snap Shot ทำงานร่วมกันได้แบบ Real-time ส่งข้อมูลไปยังศูนย์บริการของผู้ประกอบการ และศูนย์บริหารจัดการรถแท็กซี่ของกรมการขนส่งทางบก (DLT TAXI CENTER) กล่องป้ายไฟแสดงข้อความ Taxi VIP หรือข้อความอื่นตามที่กรมการขนส่งทางบกให้ความเห็นชอบ ด้านความสะดวกสบายในการเรียกใช้บริการผ่าน Application Taxi OK
นอกจากนี้ EV Taxi VIP ยังมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพิ่มมากขึ้น เช่น แท็บเล็ตเพื่อดูหนังฟังเพลง มีเบาะที่นั่งผู้โดยสารและพื้นที่จัดเก็บกระเป๋าสัมภาระกว้างขวาง ซึ่งผู้โดยสารสามารถใช้บริการได้ 3 ช่องทาง ได้แก่ บริเวณเคาน์เตอร์ ณ ศูนย์บริการบริเวณชั้น 1 สนามบินสุวรรณภูมิ เรียกใช้บริการผ่านแอพพลิเคชั่น Taxi OK ของกรมการขนส่งทางบก และคอลเซ็นเตอร์ 0 2039 8888 สำหรับอัตราค่าโดยสาร เริ่มต้น 2 กิโลเมตรแรก 150 บาท และกิโลเมตรต่อไปคิดอัตรากิโลเมตรละ 16 บาท สามารถชำระเงินผ่านบัตรเครดิต เดบิต อาลีเพย์ วีแชท แรบบิทไลน์เพย์ หรือชำระเป็นเงินสด พร้อมให้บริการ EV Taxi VIP ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 2561 เป็นต้นไป
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการขนส่งทางบกสนับสนุนทุกภาคส่วนเพื่อยกระดับมาตรฐานแท็กซี่ไทยให้มีคุณภาพความปลอดภัยและมาตรฐานให้บริการทัดเทียมมาตรฐานสากลภายใต้โครงการ Taxi OK และ Taxi VIP เพื่อความมั่นใจตลอดการเดินทางของผู้โดยสาร ซึ่งกรมการขนส่งทางบกดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มให้บริการ Taxi OK อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา และได้ขยายขอบเขตให้รองรับความต้องการเดินทางของผู้โดยสารได้ทุกกลุ่มด้วยบริการ Taxi VIP โดยบริษัท ออลไทย แท็กซี่ จำกัด ได้นำรถหรู Mercedes-Benz รุ่น C350e Avantgarde ซึ่งเป็นรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดมาให้บริการเป็น Taxi VIP ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2561 ที่ผ่านมา ปัจจุบันมีรถให้บริการแล้วจำนวน 20 คัน
รวมถึงการจับมือเป็นพันธมิตรของภาคเอกชนบริษัท อีวี โซไซตี้ จำกัด และ บริษัท ไรเซน เอนเนอร์จี จำกัด ในการนำรถยนต์ไฟฟ้ามาให้บริการซึ่งจะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 2561 จะทำให้เกิดการพัฒนาระบบการขนส่งด้วยรถโดยสารสาธารณะร่วมกันอย่างครบวงจร คาดว่าภายในปีนี้จะมีรถ Taxi OK และ Taxi VIP รองรับให้บริการได้อย่างเพียงพอ และรองรับความต้องการของผู้โดยสารได้ทุกกลุ่มอย่างสมบูรณ์ โดยยึดหลักถูกใจผู้โดยสาร ถูกต้องตามกฎหมาย และทุกฝ่ายยอมรับได้ เพื่อพัฒนาคุณภาพและบริการรถแท็กซี่ของประเทศให้เป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี