กสท.อ้างกฎหมายถือคลื่น1800แจงลูกค้า2จี10ล้านเลขหมายยังต้องใช้

กสท.อ้างกฎหมายถือคลื่น1800แจงลูกค้า2จี10ล้านเลขหมายยังต้องใช้

วันศุกร์ ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2556, 06.00 น.
Tag :

หลังจากคณะกรรมการ บมจ.กสท โทรคมนาคม มีมติให้ฝ่ายบริหารทำหนังสือถึงคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อโต้แย้งมติ ของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ที่ให้ กสท คืนคลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิรตซ์ (MHz )ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในวันที่ 15 ก.ย.2556 นี้

นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.กสท โทรคมนาคม กล่าวว่า สิ่งที่ กสท ดำเนินการไปนั้นเป็นไปตามกรอบกฎหมายที่เปิดช่องให้ และยืนยันว่า กสท ไม่ได้หวงคลื่น หรือต้องการคัดง้างมติบอร์ด กทค.แต่อย่างใด แต่ กสท มีความจำเป็นต้องใช้ คลื่นดังกล่าวเพื่อรองรับผู้ใช้บริการระบบ 2จี ในปัจจุบันที่มีผู้ใช้บริการอยู่กว่า 17 ล้านเลขหมาย และคาดว่าหลังสิ้นสุดสัญญาสัมปทานของ บริษัท ทรูมูฟและบริษัท ดีพีซี แล้ว จะยังคงมีผู้ใช้บริการในระบบดังกล่าวอีกกว่า 10 ล้านเลขหมาย หาก กสทช.เรียกคืนคลื่นดังกล่าวกลับไปจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้บริการอย่างมาก


นายกิตติศักดิ์กล่าวว่า การที่ กสทช.ขอคืนคลื่นความถี่ 1800 MHz โดยอ้างบทบัญญัติตามมาตรา 47 และ มาตรา 305 ของ
รัฐธรรมนูญฯ ปี 2550 ที่กำหนดให้ส่งความถี่กลับมาให้ กสทช.นำมาจัดสรรและประมูลใหม่ นั้น ในมุมมองของ กสท เห็นว่า มาตราดังกล่าวเป็นบทบัญญัติทั่วไปที่ใช้ เป็นแนวทางกำกับกิจการโทรคมนาคม โดยทั่วไปเพื่อกำกับดูแลคลื่นความถี่ใหม่ที่ยังไม่มีการจัดสรร หรือใช้อยู่ก่อนพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ เท่านั้น แต่ในส่วนของคลื่น 1800 MHz ที่ กสทครอบครองอยู่นั้นมีบทเฉพาะกาล ตามมาตรา 82 มาตรา 83 และ มาตรา 84 ของ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯพ.ศ.2553 บัญญัติไว้ เพื่อรองรับการ “เปลี่ยนผ่าน”อยู่แล้ว

โดยในมาตรา 82 บัญญัติให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือผู้ที่ได้รับการจัดสรรคลื่นความถี่ หรือใช้คลื่นความถี่เพื่อประกอบกิจการโทรคมนาคมอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัติใช้บังคับ มีหน้าที่ต้องแจ้งรายละเอียด รวมทั้งเหตุแห่งความจำเป็นในการถือครองคลื่นความถี่ ขณะที่บทบัญญัติมาตรา 84 วรรค 4 ก็ให้ กสทช.กำหนดระยะเวลา ที่แน่นอนให้ผู้ได้รับจัดสรรคลื่นความถี่ดังกล่าวคืนคลื่นเพื่อนำไปจัดสรรใหม่ โดยคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะ และความจำเป็นของการประกอบกิจการ

“เมื่อกสท ได้ดำเนินการตามมาตรา 82 ย่อมต้องถือว่า หน่วยงานได้รับอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ตามกฎหมายฉบับนี้แล้ว ไม่เช่นนั้นจะมีบทบัญญัติมาตรา 82, 83 และ 84 ไว้เพื่ออะไร นอกจากนี้ในบทบัญญัติเดียวกันในมาตรา 84 วรรค 4 ยังบัญญัติให้ กสทช.กำหนดระยะเวลาที่แน่นอนของการใช้คลื่นความถี่ที่ได้รับจัดสรรตามความจำเป็นที่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐได้แจ้งตามมาตรา 82 ประกอบการ พิจารณาด้วย ซึ่ง กสท ได้มีหนังสือแจ้งรายละเอียดการใช้คลื่นความถี่ รวมทั้งเหตุแห่งความจำเป็นในการถือครองคลื่นดังกล่าวไปตั้งแต่ 12 กันยายน 2555 และ 29 พฤศจิกายน 2555 รวมทั้งมีหนังสือแจ้งการขอปรับปรุงคลื่นความถี่ย่าน 800 MHz และ 1800 MHz ตามนัยมาตรา 84 เพื่อรองรับการให้บริการหลังสิ้นสุดสัญญาสัมปทานแล้ว”

นอกจากนี้ตามกฎหมายที่ว่าด้วยอำนาจหน้าที่ของ กสทช.นั้นก็กำหนดให้ กสทช.ต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับนโยบายที่ คณะรัฐมนตรีแถลงไว้ต่อรัฐสภา ดังนั้น บมจ.กสท ในฐานะที่เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) เมื่อได้จัดทำแผนการบริหารทรัพย์สินที่ได้จากสัมปทาน และเป็นการดำเนินการตามนโยบายที่รัฐบาลในมิติต่างๆ แล้ว จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ CAT ต้องได้รับอนุญาตให้ปรับปรุงการใช้งานคลื่นความถี่ต่อไป

“เราพร้อมที่จะเดินหน้าต่อสู้เรื่องนี้อย่างถึงที่สุด ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากคืนความถี่ให้ กสทช. แต่เนื่องจาก กสท เองมีความจำเป็นต้องขอเวลาเพื่อบริหารจัดการคลื่นความถี่ดังกล่าวต่อไปอีกระยะ เพราะยังมีลูกค้าที่อยู่ในระบบ 2จี เดิมอีกเป็นจำนวนมากที่เราต้องดูแลและลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ได้ต้องการโยกย้ายไประบบใหม่เพราะเน้นการโทร.ราคาถูกที่ กสท สามารถจะรองรับให้ได้ จึงเห็นว่า กสทช.ควรขยายเวลาให้ กสท ในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้”

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top