นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลังกล่าวระหว่างเป็นประธานพิธีในการบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช้างคู่ ประจำกระทรวงคลัง เมื่อวันที่ 15กันยายน 2563 ว่า สถานการณ์โควิด-19 ในหลายประเทศพบว่าไม่ได้มีการติดเชื้อเพิ่ม หรือมีการแพร่กระจายเพิ่ม ยกตัวอย่างประเทศจีน ปัจจุบันไม่มีการติดเชื้อเพิ่มมามากกว่า 200 วันแล้ว ซึ่งถ้ามีข้อมูลเชิงบวกมาเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับทราบ และดึงประเทศที่ไม่ติดโควิด-19 ระบาดมาท่องเที่ยวในประเทศไทย จะสามารถทำให้เศรษฐกิจ และทำให้เกิดการสร้างรายได้ให้กับฐานรากได้มากยิ่งขึ้น
พร้อมยกตัวอย่างประเทศจีนว่า ถ้าจำนวนคนที่ไม่ติดโควิด-19 จาก 20 มณฑล ประมาณ 800 ล้านคนมาท่องเที่ยวประเทศไทยแค่ 1% จะได้ประมาณ8 ล้านคน และยังมีประเทศอื่นๆ ที่ไม่ติดโควิด-19 มาท่องเที่ยวในประเทศไทย จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ อีกทั้งเมื่อหลายประเทศพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19แล้วจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น
นายประสงค์กล่าวถึงการแก้ปัญหาเบี้ยผู้สูงอายุล่าช้าว่า กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย ร่วมแก้ปัญหาเบี้ยผู้สูงอายุเรียบร้อยแล้ว คงล่าช้าเพียง 1 สัปดาห์ ไม่มีปัญหาในการโอนให้กับผู้สูงอายุและคนพิการ สำหรับงบประมาณรายจ่ายปี 2564 เมื่ออิงการใช้งบปี 2563 ไปพลางก่อน ทำให้ไม่มีปัญหาในเรื่องของการเบิกจ่าย และยืนยันว่าเงินคงคลังมีเพียงพอกว่า 300,000 ล้านบาท จึงไม่มีปัญหาตามกระแสข่าวว่าถังแตก จากกรณีจ่าบเบี้ยคนชราล่าช้า
“เราทำหน้าที่ในบทบาทของเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลัง ในส่วนอื่นเราไม่ได้เกี่ยวข้อง เงินคนชราล่าช้า งบประมาณล่าช้า แค่อาทิตย์เดียว ไม่กระทบอะไร ที่ล่าช้าเพราะกระบวนการต่างๆ โดยการคำนวณว่าคนจะอายุยืนมากขึ้น ส่งผลให้การประมาณการณ์มันเกิดเออเร่อร์ จึงต้องเอาเงินในส่วนอื่นๆ มาชดเชยมาสู่งบลงทุนต่างๆ ทั้งนี้เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบอย่างไร ซึ่งขั้นตอน เวลาในการดำเนินงานยังคงเหมือนเดิม และยังคงยืนยันเงินยังมีพออยู่ และเตรียมความพร้อมล่วงหน้าไปจนถึงปีหน้า”นายประสงค์ กล่าว
นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวถึงการเบิกจ่ายเบี้ยชราว่า กรมบัญชีกลางและกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ได้กำหนดปฏิทินการทำงานสำหรับการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเบี้ยความพิการ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 โดยกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการร่วมกันในแต่ละเดือน เพื่อให้สามารถจ่ายเงินให้แก่ผู้มีสิทธิตามวันที่กำหนด ซึ่งการดำเนินการโอนเงินให้ผู้มีสิทธิแต่ละเดือนนั้น จะจัดสรรให้องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และเทศบาล จำนวน 7,774 แห่ง (ไม่รวม อบจ.) ตามจำนวนที่ต้องจ่ายเงินให้แก่ผู้มีสิทธิครบทุกแห่ง ในการเบิกเงินแต่ละครั้ง ตามปฏิทินการทำงานข้างต้น ซึ่งตามขั้นตอนการดำเนินการ กรมบัญชีกลางจะต้องตรวจสอบงบประมาณ เพื่อเบิกจ่ายให้ผู้มีสิทธิตามปฏิทินการจ่าย
อย่างไรก็ตามเมื่อตรวจสอบงบประมาณในเดือนกันยายน 2563 พบว่าไม่เพียงพอ สถ.จึงต้องจัดสรรเพิ่ม แต่เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงงบประมาณของ สถ. ต้องดำเนินการตามกระบวนการบริหารงบประมาณ ทำให้ระยะเวลาการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเบี้ยความพิการคลาดเคลื่อนไปจากปฏิทินการทำงาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี