nn ประชาชนคง “งงหนัก”...จากที่ไทยวาง 1 ในยุทธศาสตร์ชาติว่าจะกลายเป็น“ครัวของโลก”...แต่ไฉนเลยตอนนี้ไทยกลายเป็น“ถังขยะของโลก”ไปเสียแล้ว...ก่อนหน้านี้ก็เห็นข่าวอยู่บ่อยๆ ว่ามีการลักลอบนำเข้าขยะพลาสติก...ขยะจากโรงงานอุตสาหกรรม...ขยะเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่า ฯลฯ อยู่บ่อยๆ...ซึ่งก็เป็นข่าวอยู่ 2-3 วัน หลังจากนั้นก็เงียบหายไป...สังคมไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรมากนัก
จนกระทั่งมาถึงที่มีข่าวของ“กากแคดเมียม”ซึ่งเป็นขยะพิษ..ถูกขุดขึ้นมาเพื่อจะเอาไปขายให้...กลุ่มทุน“จีนเทา”...เพื่อจะเอาไปหลอมโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายก่อนจะส่งออกไปที่ประเทศจีน...เพื่อนำไปสกัดเอา สังกะสี ทองแดง และแคดเมียม...ซึ่งในเรื่องของ“กากแคดเมียม”นั้นส่งผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพของประชาชน และสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่โดยรอบที่พบ“กากแคดเมียม”...
ในเวลาเดียวกันก็คือกรณีของโกดังเก็บสารเคมี กากของเสียอันตราย...ที่ อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา...เกิดไฟไหม้อย่างน่าสงสัย...ถึงสองครั้งสองคราว...ซึ่งในคราแรกจากการสอบสวนนั้นพบว่ามีเบาะแสที่พอจะให้เชื่อได้ว่าเป็นการจงใจวางเพลิง..เพื่อที่จะทำลายหลักฐานการกระทำความผิด..เพราะโกดังแห่งนี้อยู่ในขั้นตอนดำเนินคดี...และเหตุเพลิงไหม้ครั้งที่สองนี้ก็ส่งผลกระทบรุนแรงต่อชีวิตประชาชนโดยรอบ จนต้องมีการอพยพประชาชนไปอยู่ที่ศูนย์พักพิง...โรงพยาบาลถึงกับต้องปิดให้บริการ..และตอนนี้ก็หวั่นกันว่าจะเกิดการปนเปื้อนในแหล่งน้ำธรรมชาติ และน้ำประปาด้วย...
ไม่ผิดถ้าจะบอกว่า...ทั้งสองกรณีนี้เกิดจากความหย่อนยาน และการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐหลายส่วนที่เกี่ยวข้อง...ไล่ไปตั้งแต่กรมโรงงานอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมจังหวัด ก.อุตสาหกรรม...เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ในพื้นที่...ในกรณีของ“กากแคดเมียม”...ทั้งกระบวน...ทั้งการขุดขึ้นมาจากบ่อเก็บ การขนย้ายไปแหล่งต่างๆ จนไปถึงปลายทาง(ในประเทศไทย) ที่คาดว่าจะเป็นโรงหลอมที่ผิดกฎหมาย...ที่“รัฐอิสระคลองกิ่ว” อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี...ล้วนแล้วต้องได้รับอนุญาต จากเจ้าหน้าที่รัฐทั้งสิ้น...และไม่ใช่จากเจ้าหน้าที่เพียงหน่วยงานเดียวด้วย...เช่นเดียวกันกับกรณีของโกดังสารพิษ ที่ อ.ภาชี...ที่เป็นต้นเหตุให้ประชาชนต้องได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักอยู่ในขณะนี้นั้น...ก็มาจากความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ
ในช่วงเวลาที่ยังต้องเผชิญภาวะอากาศร้อนรุนแรงเช่นนี้...ไฟไหมโกดังเก็บขยะในพื้นที่อื่นๆ ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดไฟไหม้อีกเช่นกัน...และในเมื่อไทยยังทำตัว
เป็น“ถังขยะของโลก”แบบนี้...“กากแคดเมียม”ก็จะไม่ใช่เคสสุดท้ายแน่นอน...
ถึงเวลาแล้วที่ต้องรื้อกันทั้งระบบ...กรมโรงงานอุตสาหกรรม ต้องบอกออกมาให้หมดว่า อนุญาตให้ตั้งโรงรีไซเคิลกากอุตสาหกรรมไปแล้วกี่แห่ง อนุญาตให้มีการนำเข้า“กาก”อะไรบ้าง การกำจัด“กากมีพิษ”ได้มีการตรวจสอบอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องหรือไม่...หยุดทำหน้าที่“แบบวัวหายแล้วล้อมคอก”กันได้แล้ว...รัฐบาลเองก็สมควรที่จะทบทวนนโยบายเรื่องกากอุตสาหกรรม...การกำจัดวัสดุเหลือใช้จากโรงงานประเภทต่างๆ...ได้แล้ว
พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี