วันศุกร์ ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
นโยบายสร้างความปรองดองถือเป็นโจทย์ท้าทายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ถือเป็นโจทย์ท้าทายอย่างยิ่งสำหรับคสช. เพราะเจอแรงต้านทั้งขึ้นทั้งล่องไม่ว่าจะเลือกเดินแนวทางไหนระหว่างการยอมงอจำนนต่อแรงกดดันของระบอบทักษิณ หรือจะเลือกแนวทางหักระบอบทักษิณตามความต้องการของมวลมหาประชาชน
จนวันนี้จุดยืนของคสช.ยังคงเป็นสีเทาคลุมเครือไม่ชัดเจน แต่จากความเคลื่อนไหวของบุคคลสำคัญหลายคนซึ่งใกล้ชิดกับบิ๊กในคสช.อย่างน้อยก็สะท้อนให้เห็นว่า มีความพยายามที่จะยอมอ่อนข้อปรองดองกับระบอบทักษิณ ซึ่งเห็นได้
จากท่าทีของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)สายทหารที่นำโดย พล.อ.นพดล อินทปัญญา ซึ่งมีข่าวว่าพยายามล็อบบี้สมาชิกสนช.ให้ไม่รับเรื่องถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดฐานส่อรู้เห็นเป็นใจกับมหกรรมโกงชาติปล้นแผ่นดินในโครงการรับจำนำข้าวที่สร้างความล่มจมให้ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ และไม่รับเรื่องถอดถอนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และ นายนิคม ไวยรัชพานิชอดีตประธานรัฐสภา ที่ร่วมกันหักดิบรวบรัดผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของสมาชิกวุฒิสภา(สว.) โดยฉ้อฉลและไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ที่น่าสนใจคือ พล.อ.นพดลคือคนใกล้ชิดและเป็นที่ปรึกษาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม พี่ใหญ่ของกลุ่มบิ๊กบูรพาพยัคฆ์ที่คุมอำนาจแท้จริงของคสช. ซึ่ง พล.อ.ประวิตร นั้นก็มีสายสัมพันธ์อันดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นักโทษหนีคุก
นอกจากนี้ธงสร้างความปรองดองยังสะท้อนจากคำแถลงของ นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) รวมทั้ง ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณรองประธานสปช. และว่าที่ประธานยกร่างรัฐธรรมนูญที่ย้ำถึงเรื่องการสร้างความปรองดองและผลักดันให้ตัวแทนทุกสีเข้าร่วมขบวนการปฏิรูปประเทศ โดยทั้ง นายเทียนฉายและ ดร.บวรศักดิ์ อาจเรียกได้ว่าคือเงาของคสช.นั่นเอง
ที่ผ่านมามีข่าวมาตลอดว่ามีการเจรจาลับระหว่างตัวแทนคสช.กับฝ่ายระบอบทักษิณมาตลอดโดยความต้องการสูงสุดของฝ่ายระบอบทักษิณก็คือต้องลบล้างโทษความผิดทั้งหมดให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ, น.ส.ยิ่งลักษณ์ และเหล่าแกนนำเครือข่ายระบอบทักษิณทั้งหลาย รวมทั้งจะต้องไม่มีการปฏิรูปประเทศด้วยการกำหนดกติกาอันเป็นการทำลายล้างระบอบทักษิณ แล้วมาเริ่มต้นใหม่หรือ “Set Zero” ผ่านการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้น
ธงสร้างความปรองดองจึงเป็นโจทย์ยากท้าทายสำหรับคสช.เพราะหากยอมตามระบอบทักษิณเท่ากับระบบนิติรัฐถูกทำลายย่อยยับและการปฏิรูปประเทศเพื่อให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงด้วยการขจัดระบอบธุรกิจการเมืองทุนสามานย์อันเลวร้ายที่เป็นต้นต่อของวิกฤติชาติตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเท่ากับเสียของสิ้นเชิง
หากยอมจำนนตามคำขู่กดดันของระบอบทักษิณยังเป็นแค่การซื้อเวลาหนีปัญหาทำให้ระบอบทักษิณตั้งหล้กได้และมีโอกาสกลับมามีอำนาจก่อกรรมทำร้ายประเทศอีกครั้งและนั่นหมายถึงวิกฤติรอบใหม่รออยู่เพราะมวลมหาประชาชนจะออกมาต่อต้านแบบมืดฟ้ามัวดินเหมือนที่ผ่านมา
เพราะฉะนั้นคสช.ต้องเลือกข้างความถูกต้องและหลักนิติรัฐตลอดจนผลประโยชน์ของประเทศชาติอย่างแท้จริงเป็นที่ตั้ง ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนจากมวลมหาประชาชนส่วนใหญ่ แต่หากเลือกเดินทางผิดสมยอมกับฝ่ายชั่วร้ายนั่นก็คือระเบิดเวลาสำหรับคสช.
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี