พฤติการณ์ของสำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.)นำทีมโดยนายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ รองอัยการสูงสุด ที่พยายามยื้อเกมในการประชุมร่วมกับตัวแทนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่นำโดยนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช.ครั้งล่าสุดยังคงส่อเจตนาทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิดที่ถูกชี้มูลความผิดทางอาญาฐานรู้เห็นปล่อยให้เกิดมหกรรมโกงชาติปล้นแผ่นดินในโครงการรับจำนำข้าว
อสส.นั้นได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมที่ได้รับการชุบเลี้ยงครอบงำโดยระบอบทักษิณแทบจะสิ้นเชิงนับตั้งแต่ยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทยเรืองอำนาจสุดขีด โดยอัยการสูงสุด รองอัยการสูงสุด หรือผู้บริหารระดับสูงของอสส.ในอดีตที่ผ่านมา แทบจะเรียกได้ว่าเป็นร่างทรงระบอบทักษิณ ซึ่ง อสส.บางคนได้รับปูนบำเหน็จในฐานะทาสรับใช้ระบอบทักษิณถึงขั้นได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรี และหากไม่ได้เป็นรัฐมนตรีก็จะได้รับแต่งตั้งเป็นบอร์ดในรัฐวิสาหกิจหลายแห่งมีรายได้เดือนละหลายล้านบาท
สำหรับนายวุฒิพงศ์ นั้นก็มีข่าวว่าเป็นบอร์ดในรัฐวิสาหกิจถึง 4 แห่ง คือ บอร์ดธนาคารออมสิน บอร์ดการประปานครหลวง บอร์ดธนาคารวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และบอร์ดอู่กรุงเทพจำกัด
ข้ออ้างของอสส.ที่ส่อยื้อเกมเตะถ่วงไม่ร่วมมือกับ ป.ป.ช.ในการยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ฐานส่อเจตนารู้เห็นเป็นใจให้เกิดมหกรรมโกงจำนำข้าวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็คือ ยังไม่พบการทุจริต และต้องการสอบพยานเพิ่มเติมอีกกว่า 50 ปาก ตามข้อเรียกร้องของทีมทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทำให้ถูกตั้งข้อสงสัยว่า อสส.ตาบอดจริงมองไม่เห็นการทุจริตครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาติ หรือแกล้งตาบอดเพื่อดึงเกมซื้อเวลาพื่อหาทางช่วย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นอสส.ซึ่งเป็นทนายของแผ่นดินเท่ากับทรยศต่อหน้าที่และจริยธรรมในฐานะที่กินเงินเดือนจากภาษีของประชาชนแต่กลับทำตัวไม่ต่างอะไรจากทนายตระกูลชิน
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ ดาวสภาผู้อภิปรายและเกาะติดมหกรรมโกงชาติปล้นแผ่นดินในโครงการรับจำนำข้าวมาตลอด ถึงได้แสดงความประหลาดใจในพฤติการณ์ส่อเตะถ่วงของอสส. ทั้งๆ ที่มหกรรมโกงจำนำข้าวหลักฐานเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งว่าเกิดความเสียหายต่อประเทศมูลค่ากว่า 7 แสนล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ก็ออกมายืนยัน นอกจากนี้ยังมีข้อมูลวิจัยล่าสุดของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอที่ชี้ว่าโครงการรับจำนำข้าวยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์อาจมีมูลค่าความเสียหายสูงกว่า 1 ล้านล้านบาท หากไม่สามารถขายข้าวเสื่อมคุณภาพในโกดังที่ค้างสต๊อกอยู่เกือบ 20 ล้านตัน ได้หมดภายใน 10 ปี
นพ.วรงค์ ยังตอกฝาโลงชี้ความผิดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ส่อรู้เห็นเป็นใจกับมหกรรมโกงจำนำข้าวเพราะในฐานะนายกฯเคยแถลงนโยบายรับจำนำข้าวต่อรัฐสภาและในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.)เป็นผู้ควบคุมดูแลนโยบายรับจำนำข้าวคือหลักฐานมัด จะปัดความรับผิดชอบว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้เลย และที่สำคัญหลายฝ่ายเตือนแล้วว่าโครงการนี้มีการทุจริตและจะสร้างความหายนะล่มจมให้ประเทศ แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับไม่แยแสดึงดันกู้เงินเดินหน้าโครงการ
คดีโกงชาติปล้นแผ่นดินครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ครั้งนี้ คสช.ซึ่งเข้ามายึดอำนาจปกครองประเทศก็เพื่อปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่และมีนโยบายสำคัญล้างการทุจริตคอร์รัปชั่น ต้องไม่ปล่อยให้ขบวนการชั่วร้ายที่โกงชาติปล้นแผ่นดินในโครงการรับจำนำข้าวลอยนวล และในเมื่ออสส.ส่อพฤติการณ์เป็นอุปสรรคต่อการกำจัดขบวนการชั่วร้าย คสช.ต้องปฏิรูปอสส.อย่างจริงจังเพื่อให้กลับมาเป็นหน่วยงานทนายของแผ่นดินอย่างแท้จริงและไม่สร้างปัญหาให้ชาติบ้านเมืองในระยะยาว ซึ่งผลสำรวจของ“นิด้าโพลล์”สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ล่าสุดสะท้อนชัดเจนว่าประชาชนไม่เชื่อถือไว้วางใจในบทบาทของอสส.และในทางตรงกันสนับสนุนการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.อย่างล้นหลาม
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี