การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)แสดงจุดยืนส่งสัญญาณชัดเจนว่า ปรองดองต้องไม่ใช่ปล่อยคนทำผิดกฏหมายทำลายชาติลอยนวล คนทำผิดต้องถูกลงโทษ และจะไม่ยอมให้มีกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านหลังวันชี้ชะตาถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิดในวันที่ 23 ม.ค.นี้ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ปล่อยให้เกิดมหกรรมโกงชาติปล้นแผ่นดินอย่างมโหฬารในโครงการรับจำนำข้าวซึ่งสร้างความเสียหายครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ถือเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เพราะหากกฏหมายไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ปล่อยให้คนเลวทำผิดแล้วลอยนวล ประเทศก็คงอยู่ไม่ได้เพราะไร้หลักยึด
ส่วนที่ฝ่ายระบอบทักษิณจับประเทศเป็นตัวประกันและขู่ว่า หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพวกถูกลงโทษตามความผิดที่ก่อขึ้นเท่ากับล้มการปรองดองนั้น ถือเป็นข้ออ้างแบบตะแบงของอันธพาลถ่อยดิบเถื่อน และสะท้อนทัศนคติฉ้อฉลคิดไม่ซื่ออยู่ตลอดเวลาโดยพร้อมจะทำสิ่งชั่วร้ายได้ทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตัวเอง ทั้งนี้การสร้างความปรองดองกับการลงโทษผู้กระทำผิดกฏหมายบ้านเมืองเป็นคนละเรื่องกันอย่างสิ้นเชิง เพราะไม่อย่างนั้นโจรที่ฆ่าคนตายหรือคนที่โกงชาติปล้นแผ่นดินคนอื่นๆอาจเรียกร้องขอให้ตัวเองพ้นผิดแล้วอ้างเพื่อความปรองดอง ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นสังคมจะอยู่ได้อย่างไร
กรณีโครงการรับจำนำข้าวนั้นทั้งข้อกฏหมายและข้อเท็จจริงปรากฏชัดเจนว่าเป็นโครงการที่ออกแบบมาเพื่อโกงชาติปล้นแผ่นดินอย่างมโหฬาร เพราะไม่มีที่ไหนที่รัฐรับจำนำข้าวทุกเมล็ดโดย
ตั้งราคารับจำนำสูงกว่าราคาตลดเกือบเท่าตัว เท่ากับซื้อขาดจากชาวนานั่นเองแล้วใช้เงินแผ่นดินมหาศาลที่กู้มาสร้างภาระการคลังให้ประเทศเกือบ 1 ล้านล้านบาทซึ่งต้องใช้เวลาอีกไม่ต่ำกว่า 30 ปีถึงใช้หนี้หมดละเลงไปกับการรับจำนำข้าว ซึ่งการตั้งราคารับจำนำสูงกว่าราคาตลาดเกือบเท่าตัวก็ด้วยเหตุผล 2 ประการคือ ด้านหนึ่งเพื่อใช้เงินแผ่นดินหาเสียงสร้างคะแนนจากชาวนาแบบอัฐยายซื้อขนมยายโดยไม่คำนึงถึงความพินาศล่มจมที่จะเกิดกับประเทศ แต่ที่สำคัญและเป็นเป้าหมายหลักก็คือ ช่องทางโกงชาติปล้นแผ่นดินมโหฬารด้วยการนำเข้าข้าวคุณภาพต่ำราคาแค่ตันละ 3,000-4,000 บาทจากประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เขมร พม่า เวียดนาม เข้ามาสวมสิทธิ์เข้าโครงการรับจำนำข้าวในราคาตันละ 15,000 บาทกินส่วนต่างกำไรถึงตันละกว่า 10,000 บาท และยังมีวิธีโกงอีกสารพัด
นอกจากเป็นโครงการมหกรรมโคตรโกงแล้ว หายนะที่ตามมาจากโครงการรับจำนำข้าว
ในราคาสูงกว่าตลาดเกือบเท่าตัวยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็คือทำให้รัฐขาดทุนเบื้องต้นกว่า 5 แสนล้านบาทไม่รวมข้าวที่ขายไม่ออกเสื่อมคุณภาพค้างอยู่ในสต๊อกอีกเกือบ 20 ล้านบาท และข้าวหายอีกมูลค่ามหาศาลซึ่งคาดว่าจะทำให้ยอดความเสียหายรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 7 แสนล้านบาท
การถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้นแม้จะไม่ได้ถูกชี้มูลความผิดฐานทุจริตโดยตรง แต่ก็ส่อพฤติกรรมรู้เห็นเป็นใจเพราะหลายฝ่ายเตือนแล้ว แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับดึงดันเดินหน้าโครงการทั้งๆที่มีข่าวการทุจริตและสร้างความล่มจมแก่ประเทศมูลค่ามหาศาล
สำหรับการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวนั้นปรากฏหลักฐานชัดเจนจากผลการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ในกรณีการจัดซื้อข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจีจากสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีการชี้มูลความผิดรัฐมนตรียุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ 2 คนคือ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ และ นายภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์ โดยมีผู้ร่วมขบวนการทั้งที่เป็นข้าราชการระดับสูงและพ่อค้าซึ่งใกล้ชิดตระกูลชินอีกนับสิบคน
เพราะฉะนั้นเมื่อก่อกรรมอุกฤษณ์ไว้กับชาติบ้านเมืองก็ต้องรับกรรม และเชื่อว่าวันชี้ชะตา น.ส.ยิ่งลักษณ์ 23 ม.ค.นี้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)คงไม่ปล่อยคนผิดลอยนวลโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนระดับอดีตนายกฯและอดีตรัฐมนตรีหากโกงชาติปล้นแผ่นดินสร้างความเสียหายแก่ประเทศอย่างร้ายแรงต้องถูกลงโทษอย่างสาสมเหมือนในนานาอารยะประเทศเพื่อเป็นบรรทัดฐานไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี