เหตุการณ์ขบวนการก่อการร้ายระบอบทักษิณที่ปาระเบิดหน้าศาลอาญาและยิงต่อสู้กับทหารที่หน้าศาลอาญาเมื่อค่ำวันที่
7 มี.ค.ที่ผ่านมา และถูกทหารจับตัวได้ทันควัน 2 คน ถูกตั้งข้อสังเกตว่า งานนี้ฝ่ายทหารออกมาจัดการเองจนสามารถจับมือป่วนเมืองได้เพราะที่ผ่านมา ฝ่ายตำรวจถูกตั้งข้อสังเกตว่าส่อเกียร์ว่างตัดตอนมาตลอดอย่างคดีระเบิดที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าสยามพารากอน เมื่อเดือนที่แล้ว จนบัดนี้ตำรวจก็ยังจับมือใครดมไม่ได้ทั้งๆ ที่มีภาพถ่าย 2 คนร้าย ชัดเจน
นายมหาหิน ขุมทอง ซึ่งมีข่าวว่าเป็นลูกน้องในสังกัด นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ “โกตี๋” แกนนำคนเสื้อแดงสายฮาร์ดคอร์ จ.ปทุมธานี ที่ถูกทหารจับได้ยอมเปิดปากสารภาพว่าตามแผนของคนบงการเตรียมระเบิดป่วนเมืองนับ 10 จุด ช่วงวันที่ 12-15 มี.ค.นี้ พร้อมยอมรับว่าภรรยาตัวเอง ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับเคยทำงานให้กับ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งเป็นญาติผู้พี่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก กับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจ นครบาล ซึ่งได้ดิบได้ดีเพราะ “พี่ทักษิณ” ให้
นายมหาหิน ยังเปิดโปงว่า แผนระเบิดป่วนเมือง ก็เพื่อสร้างสถานการณ์ให้ประเทศเกิดความระส่ำระสายเต็มไปด้วยเหตุการณ์รุนแรงหวังเป็นเงื่อนไขดึงองค์การสหประชาชาติเข้ามาแทรกแซงการเมืองของไทย
นอกจากนี้จากการตรวจค้น นายยุทธนา เย็นภิญโญ 1 ในผู้ต้องหามือระเบิดที่ถูกจับได้ยังพบรายชื่อบุคคลสำคัญและเบอร์โทรศัพท์ติดต่อที่เขียนด้วยลายมือโดยในจำนวนนี้รวมทั้งชื่อ พล.อ.ชัยสิทธิ์ และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ด้วย
ทั้งนี้ล่าสุด พล.อ.ชัยสิทธิ์ แถลงยอมรับว่ารู้จักกับ นายยุทธนา จริงเพราะมาขอเงินใช้ แต่กลับทำคุณบูชาโทษถูกอ้างชื่อเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่ศาลอาญา ซึ่งเป็นข้อแก้ต่างของ พล.อ.ชัยสิทธิ์
ก่อนหน้านี้เมื่อ 12 ก.พ.ที่ผ่านมาก็เพิ่งเกิดเหตุระเบิดป่วนเมืองที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าใกล้ห้างสยามพารากอน ซึ่งเป็นย่านธุรกิจสำคัญกลางเมืองหลวง และหากย้อนไปก่อนหน้านี้หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ปีที่แล้ว กำลังทหารออกกวาดล้างจับกุมขบวนการก่อการร้ายเสื้อแดงและยึดอาวุธสงครามร้ายแรงที่เตรียมไว้ก่อวินาศกรรมได้จำนวนมากในหลายจังหวัด โดยผู้ต้องหาที่ถูกจับได้มีการซัดทอดว่าได้รับท่อน้ำเลี้ยงและสั่งการโดยบุคคลสำคัญของระบอบทักษิณ ทั้ง “นายใหญ่” ในต่างแดน นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรมต.ประจำสำนักนายกฯแกนนำเสื้อแดง ซึ่งเป็นสมุนคนสนิท “นายใหญ่” ที่ขณะนี้หลบหนีหมายจับข้อหาหมิ่นเบื้องสูงไปเคลื่อนไหวบ่อนทำลายชาติและสถาบันเบื้องสูงอยู่ในต่างแดน หรือ พล.ท.มนัส เปาริก อดีตแม่ทัพภาคที่3 เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารรุ่น 10 (ตท.10) กับ “นายใหญ่”
นักวิเคราะห์มองว่า เหตุระเบิดป่วนเมืองที่ศาลอาญาครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นการดิ้นสู้แบบเลือดเข้าตาของระบอบทักษิณที่กำลังถูกบีบใกล้จนตรอกในทุกแนวรบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเฉพาะหน้าก็คือกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิดถูกฟ้องดำเนินคดีอาญาฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ส่อรู้เห็นเป็นใจกับมหกรรมโกงชาติปล้นแผ่นดินโครงการรับจำนำข้าวที่สร้างความล่มจมให้ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งระเบิดป่วนเมืองนอกจากเพื่อดึงโลกเข้ามาแทรกแซงไทยแล้ว ยังเป็นการทำลายเสถียรภาพของคสช.และเศรษฐกิจของชาติให้ย่อยยับอันเป็นการสะท้อนธาตุแท้ระบอบแม้วที่ทำสิ่งเลวร้ายได้ทุกอย่างแม้แต่การทำลายชาติเพียงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตัวเอง
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี