หลังจากที่หลายฝ่ายเรียกร้องกดดันมาตลอดทั้งในและนอกประเทศให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ยกเลิกการใช้กฏอัยการศึกทำให้ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช.
แสดงท่าทีชัดเจนเตรียมยกเลิกกฏอัยการศึก แต่จะใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวซึ่งให้อำนาจหัวหน้าคสช.อย่างเบ็ดเสร็จเด็ขาดแทน
พอ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศจะใช้อำนาจตามมาตรา 44 เท่านั้นบรรดาพรรคการเมืองโดยเฉพาะพรรรคเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดง อาทิ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มคนเสื้อแดง และ นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ อดีตรมช.พาณิชย์รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เลขาธิการกลุ่มเสื้อแดง ดาหน้าออกมาต้านการใช้มาตรา 44 แบบสุดตัวด้วยข้ออ้างสารพัด
การออกมาต่อต้านการใช้มาตรา 44 ของเหล่าขบวนการเพื่อแม้วส่อเจตนาตีรวนต้องการกดดันให้คสช.ยกเลิกกฏหมายที่มีความเข้มข้นในการป้องกันและปราบปรามขบวนการป่วนเมืองทั้งแผนการออกมาชุมนุมแสดงพลังครั้งใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดง รวมทั้งขบวนการก่อการร้ายระเบิดป่วนเมืองซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วในกรณีลอบวางระเบิดบริเวณสถานีรถไฟฟ้าใกล้ห้างสยามพารากอนเมื่อเดือนที่แล้ว และการลอบปาระเบิดศาลอาญาเมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ นายมหาหิน ขุนทอง หนึ่งในผู้ต้องหาปาระเบิดที่ศาลอาญาเปิดปากรับสารภาพ
หมดเปลือกว่า ขบวนการก่อการร้าป่วนเมืองเพื่อแม้วเตรียมแผนระเบิด 100 จุดทั่วประเทศเพื่อให้เกิดความความระส่ำระสายปั่นป่วนหวังบ่อนทำลายคสช.และเศรษฐกิจของประเทศให้ย่อยยับ รวมทั้งหวังดึงองค์การสหประชาชาติเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของไทย ซึ่ง นายมหาหิน ยังเปิดเผยด้วยว่าขบวนการเพื่อแม้วมีเป้าหมายสูงสุดคือเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองประเทศเป็นสหพันธรัฐ
เพราะฉะนั้นขบวนการก่อการร้ายป่วนเมืองเพื่อแม้วนั้นเป็นขบวนการใหญ่ที่มีการบงการโดยตัวการใหญ่ทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งแม้จะจับแก๊งระเบิดที่ศาลอาญาได้ 10 กว่าคนก็เพียงเป็นส่วนน้อยและเป็นแค่ระดับปฏิบัติงานเท่านั้น ขณะที่ตัวการใหญ่และหัวหน้าระดับสั่งการวางแผน ตลอดจนกองกำลังก่อการร้ายใต้ดินเสื้อแดงอีกจำนวนมากยังคงลอยนวลเพื่อจ้องรอปฏิบัติการก่อการร้ายรอบใหม่
ในกรณีที่ฝ่ายทหารบุกชาร์จจนสามารถจับมือระเบิดป่วนเมืองได้คาหนังคาเขาในจุดเกิดเหตุและสามารถขยายผลไปสู่การจับกุมขบวนการคนอื่นๆอีกจำนวนมากก็ด้วยประโยชน์จากกฏอัยการศึกที่ฝ่ายทหารสามารถตรวจค้นจับกุมได้โดยไม่ต้องรอขออนุมัติหมายศาลซึ่งหากใช้อำนาจปกติไม่ทันการและขบวนการก่อการร้ายลอยนวลแน่นอน ด้วยเหตุนี้แม้ พล.อ.ประยุทธ์ เตรียมยกเลิกการใช้กฏอัยการศึกเพื่อสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในสายตานานาชาติ แต่ก็ยังจำเป็นต้องคงกฏหมายพิเศษอย่างมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวเพื่อเป็นหลักประกันภายใต้สถานการณ์ที่ยังไม่ปลอดภัย
ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงกล่าวว่าความจริงคสช.มีแผนยกเลิกกฏอัยการศึกช่วงต้นปีนี้ แต่พอเกิดเหตุการณ์ระเบิดป่วนเมือง
ทำให้ต้องเปลี่ยนแผน พร้อมทั้งชี้ว่าการใช้มาตรา 44 ก็คงใช้อำนาจเท่าที่จำเป็นตามความเหมาะสมของสถานการณ์เท่านั้น
ทั้งนี้ผลสำรวจของโพลล์ทุกสำนักที่ผ่านมาหรือล่าสุดผลสำรวจของนิด้าโพลสะท้อนว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่เดือดร้อนจากการใช้กฏหมายพิเศษอย่างกฏอัยการศึกและรู้สึกอุ่นใจด้วยซ้ำที่บ้านเมืองสงบเรียบร้อย เพราะฉะนั้นคนที่ไม่สันหลังหวะคิดร้ายต่อชาติบ้างเมืองก็ไม่ควรร้อนตัวออกมาโวยวายให้ยกเลิกกฏหมายพิเศษที่เหมือนยาถูกขนานที่ปราบเชื้อชั่วก่อการร้ายป่วนเมืองได้อย่างชะงัด
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี