สาธารณชนที่ได้ฟังศ.วิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะผู้แถลงเปิดคดีถอดถอนนายบุญทรงเตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ นายภูมิ สาระผลอดีตรมช.พาณิชย์และพวกต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) กรณีร่วมกันทุจริตการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี แล้วคงหูตาสว่างเห็นถึงความชั่วร้ายเลวทรามของระบอบทักษิณ
หากเทียบคำแถลงของ ศ.วิชา กับคำชี้แจงของ นายบุญทรง แล้วเรียกได้ว่าเป็นมวยคนละชั้นเพราะ ศ.วิชา แสดงข้อมูลเหตุผลได้อย่างจะแจ้งชัดเจน ขณะที่ นายบุญทรง พยายามชักแม่น้ำทั้งห้าตะแบงแก้ตัวแบบน้ำขุ่นๆ
รายละเอียดเรื่องทุจริตซื้อขายข้าวแบบจีทูจี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในความอัปยศของโครงการรับจำนำข้าวคงไม่ต้องสาธยายฉายหนังซ้ำอีกเพราะเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้มากแล้ว โดยประเด็นสำคัญอยู่ที่ ไม่มีการซื้อขายแบบจีทูจีจริง แต่มีการจัดฉากเล่นแร่แปรธาตุนำข้าวราคาถูกในประเทศมาเวียนเทียนขายให้รัฐในราคาสูงตามโครงการรับจำนำเพื่อสร้างตัวเลขเทียมและกินส่วนต่างกำไรมหาศาลทำให้รัฐสูญเสียรายได้ไปหลายหมื่นล้านบาท
เรื่องจีทูจีลวงโลกนั้นก่อนที่ ป.ป.ช. จะปิดคดีนี้ ศ.วิชา ถึงขนาดลงทุนบินไปพบรัฐมนตรีด้านการตรวจสอบทุจริตของจีนเพื่อขอข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมมัดซึ่งได้รับการยืนยันว่าไม่มีการซื้อขายข้าวแบบจีทูจีอย่างที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์อ้างแต่อย่างใดทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นกรณีโกงข้าวจีทูจีจึงมีหลักฐานมัดแน่นชนิดดิ้นไม่หลุด
ถ้าจะว่าไปแล้วกรณีของนายบุญทรง และพวกชัดยิ่งกว่ากรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯซึ่งถูกสนช.ถอดถอนและตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ไปก่อนหน้านี้เสียอีก เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกกล่าวหาว่าละเว้นปฏิบัติหน้าที่ส่อรู้เห็นเป็นใจปล่อยให้เกิดการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวที่สร้างความพินาศล่มจมให้ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์หลายแสนล้านบาท เพราะฉะนั้นชะตากรรมของ นายบุญทรงก็ไม่น่าจะต่างกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์
เรื่องถูกถอดถอนและถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ยังไม่สำคัญเท่ากับโทษทางอาญาซึ่งขณะนี้คดีทุจริตซื้อขายข้าวแบบจีทูจีเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว ซึ่งโทษสูงสุดสำหรับ นายบุญทรง คือจำคุกตลอดชีวิตและยังไม่รวมถึงการถูกฟ้องทางแพ่งเพื่อให้ชดใช้ความเสียหายแก่แผ่นดินเป็นมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท เพราะฉะนั้นวิบากกรรมของ นายบุญทรงเหมือนกำลังเดินใกล้สู่หลักประหารเข้าไปทุกขณะ
ข้อน่าสังเกตก็คือการลงโทษเอาผิดกับนักการเมืองระดับนายกฯหรือรัฐมนตรีจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาดหากเป็นยุครัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งซึ่งจะอาศัยอำนาจอิทธิพลและความเป็นเผด็จการเสียงข้างมากในคราบประชาธิปไตยตะแบงปกปิดโทษความผิดของตัวเอง
แต่ในยุคกฎแห่งกรรมที่ไม่มีอำนาจการเมืองคอยปกป้องจึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นนายบุญทรงมีสีหน้าเศร้าหมองอมทุกข์ไม่ต่างอะไรจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่เหมือนรู้ชะตากรรมตัวเองและพยายามเอาตัวรอดด้วยการเดินสายพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็คงไม่ช่วยอะไรเพราะทุกอย่างกำลังเป็นไปตามกฎแห่งกรรม
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี