แล้วนายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)จอมตงฉิน ก็แสดงถึงความตรงไปตรงมาของป.ป.ช.และฉีกหน้าจับโกหกขบวนการเพื่อแม้วที่ชอบอ้างโฆษณาชวนเชื่ออำพรางความชั่วร้ายของตัวเองมาตลอดเวลาว่า ป.ป.ช.และองค์กรอิสระต่างๆ หรือแม้แต่ศาลปฏิบัติหน้าที่แบบ 2 มาตรฐานมุ่งเอาผิดแต่คนของขบวนการเพื่อแม้ว
และนี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่าใครผิดก็ว่าไปตามผิด โดย นายวิชา แถลงผลการชี้มูลความผิดเบื้องต้นการทุจริตประพฤติมิชอบในหลายคดีจากการตรวจสอบโดยคณะอนุกรรมการของป.ป.ช.ที่ตัวเองเป็นประธาน โดยมีการชี้มูลความผิด พระสุเทพ ปภากโร หรือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ และผู้นำมวลมหาประชาชนกลุ่ม กปปส. ฐานแก้ไขระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ 396 แห่งทั่วประเทศ โดยไม่ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีโดยกำหนดให้มีผู้รับเหมาก่อสร้างเพียงรายเดียวจนเป็นเหตุให้การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จสร้างความเสียหายต่อรัฐ
นอกจากนี้คณะอนุกรรมการ ป.ป.ช.ยังชี้มูลความผิดเบื้องต้น นายจุติ ไกรฤกษ์ อดีตรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) ซึ่งปัจจุบันเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กรณีลงนามให้ดำเนินการร่วมธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3จี ระหว่าง บริษัท กสท.โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) กับบริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น และสัญญาระหว่าง บริษัท กสท.จำกัด(มหาชน) กับกลุ่มบริษัทร่วมค้าเอสแอล คอนซอเตียม โดยส่อพฤติการณ์เร่งรีบนำเรื่องเข้าพิจารณาในคณะรัฐมนตรี ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้พิจารณาเรื่องอย่างละเอียดรอบคอบ และพบว่า กลุ่ม บริษัทเอสแอล คอนซอเตียมมีคุณสมบัติไม่ถูกต้องตามข้อกำหนดขอบเขตงาน แต่กลับได้รับสิทธิเข้าทำสัญญา
คณะอนุกรรมการป.ป.ช.ยังชี้มูลความผิดเบื้องต้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ(ปคอป.) และคณะรัฐมนตรีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ รวม 34 คนในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบใช้อำนาจจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ปี 2548-2553 เป็นเงินรวมประมาณ 2,000 ล้านบาท ทั้งๆ ที่ไม่มีกฎหมายรองรับและส่อช่วยเหลือพวกพ้อง คือ กลุ่มคนเสื้อแดงอีกทั้งเป็นการจ่ายเงินเยียวยาที่สูงกว่าความเป็นจริงให้คนเสื้อแดงถึงรายละ 12 ล้านบาท ขณะที่ผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เพียงรายละ 3 ล้านบาท อันเป็นการปฏิบัติแบบสองมาตรฐาน
ทั้งนี้การชี้มูลความผิดเบื้องต้นของคณะอนุกรรมการป.ป.ช.ทั้ง 3 คดีดังกล่าวผู้ถูกกล่าวหาต้องมาชี้แจงภายใน 15 วัน
เพราะฉะนั้นนับจากนี้ไปผู้ที่ถูกกล่าวหาทั้งหมดต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งการที่แกนนำสำคัญที่เป็นฝ่ายตรงข้ามขบวนการเพื่อแม้วอย่างพระสุเทพหรือนายจุติถูกชี้มูลความผิดเบื้องต้น สะท้อนให้เห็นว่า ป.ป.ช.ปฏิบัติอย่างเท่าเทียม เพราะฉะนั้นเหล่าสมุนขบวนการเพื่อแม้วทั้งหลายอย่าใช้ข้ออ้าง 2 มาตรฐาน เพื่อเบี่ยงเบนประเด็น
และเป็นเงื่อนไขตีรวนป่วนเมืองหวังเอาตัวรอดอีกต่อไปโดยเฉพาะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตลอดจนเหล่าแกนนำขบวนการเพื่อแม้วซึ่งกำลังคอพาดเขียงถูกดำเนินคดีทั้งทางอาญาและทางแพ่งโดยเฉพาะคดีโครงการรับจำนำข้าวและอีกหลายคดีเหมือนถูกตอกฝาโลงเตรียมตัวรับกรรมที่ตัวเองก่อไว้ เพราะข้ออ้างเรื่อง 2 มาตรฐาน ใช้ไม่ได้อีกต่อไป
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี