หลายคนอาจตั้งคำถามว่าจะปฏิรูปอะไรก่อนการเลือกตั้งตามเสียงเรียกร้องของหลายฝ่ายทั้งคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) หรือสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กลุ่มหนึ่ง คำตอบซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องปฏิรูปให้สำเร็จแล้วค่อยมีการเลือกตั้งไม่ให้การยึดอำนาจเพื่อปฏิรูปประเทศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เสียของก็คือการขจัดปัญหาอันเป็นรากเหง้าต้นตอที่สร้างความแตกแยกในชาติและเป็นจุดจบของประชาธิปไตยซึ่งนั่นก็คือธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยอันเลวร้าย
ภายใต้ระบอบทักษิณซึ่งเป็นตัวแทนของธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา มีการทุจริตคอร์รัปชั่นโกงชาติปล้นแผ่นดินอย่างมโหฬาร มีการทุ่มเงินมหาศาลลงทุนซื้อเสียงและโกงเลือกตั้งทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยใช้อำนาจรัฐหวังผูกขาดอำนาจและผลประโยชน์ยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดตลอดกาล
เพราะฉะนั้นก่อนที่จะมีการเลือกตั้งต้องมีการกำหนดกติกาทั้งการป้องกันและบทลงโทษที่เด็ดขาดรุนแรงสำหรับการโกงชาติปล้นแผ่นดินทุกรูปแบบทั้งๆ ในส่วนนักการเมือง ข้าราชการและพ่อค้ารวมทั้งต้องกำหนดให้คดีทุจริตไม่มีอายุความ รวมไปถึงมาตรการลงโทษการซื้อเสียงหรือทุจริตการเลือกตั้งโดยเฉพาะนักการเมืองโดยห้ามเข้ามายุ่งเกี่ยวทางการเมืองไปตลอดชีวิต
ที่ผ่านมาระบอบทักษิณได้ทำลายธรรมาภิบาลของระบบราชการอย่างยับเยินด้วยการโยกย้ายข้าราชการน้ำดีที่ซื่อสัตย์สุจริตมีความรู้ความสามารถให้พ้นจากอำนาจ แล้วตั้งข้าราชการเลวที่ยอมเป็นทาสรับใช้ระบอบทักษิณเข้ามายึดกุมตำแหน่งสำคัญในหน่วยราชการรัฐวิสาหกิจแทบทุกองคาพยพของประเทศ และที่เลวร้ายคือขบวนการจาบจ้วงและเป็นภัยต่อสถาบันเบื้องสูงด้วยแนวคิดทะเยอทะยานหวังเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองประเทศ
หนึ่งในหน่วยราชการด้านความความมั่นคงที่สำคัญคือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ช่วง 10 ปีที่ผ่านมาถูกครอบงำโดยระบอบทักษิณอย่างฝังรากลึกกลายเป็นรัฐตำรวจตระกูลชินซึ่งถือเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่งต่อระบอบประชาธิปไตยและความมั่นคงของชาติซึ่งจำเป็นที่จะต้องมีการปฏิรูปทั้งในเรื่องการถ่ายเลือดผลักดันตำรวจน้ำดีเข้ามามีอำนาจและสกัดไม่ให้ตำรวจทาสรับใช้ระบอบทักษิณเข้ามาคุมตำแหน่งสำคัญ รวมทั้งต้องปฏิรูปโครงสร้างองค์กรตำรวจเพื่อให้เป็นองค์กรผู้พิทักษ์
สันติราษฎร์มืออาชีพที่มีเกียรติโปร่งใส และเป็นอิสระปลอดจากการแทรกแซงทางการเมืองอย่างแท้จริง
แต่แม้ในยุค คสช. องค์กรตำรวจก็ยังไม่มีการปฏิรูปเป็นชิ้นเป็นอันถึงขนาด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. เคยพูดว่าการปฏิรูปตำรวจอาจไม่ทันในยุคนี้ หรือตัวอย่างเรื่องง่ายๆอย่างกรณีการถอดยศ นักโทษชายแม้ว หรือคดี พล.ต.ท.คำรณ วิทย์ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่ได้ดีเพราะนักโทษชายแม้วให้ที่พกปืนจิ๋วขึ้นเครื่องการบินไทยที่สนามบินสุวรรณภูมิไปยังญี่ปุ่นจนถูกทางการญี่ปุ่นจับได้ก็ส่อเค้าว่าจะมีการยื้อเรื่องหวังช่วยพวกเดียวกันเองอันสะท้อนว่าพฤติกรรมตำรวจยังย่ำอยู่ในวงจรอันเลวร้ายซึ่งต้องปฏิรูปโดยด่วน เพราะตำรวจทั่วประเทศมีส่วนสำคัญต่อการป้องกันการซื้อเสียงหรือแอบสนับสนุนบางพรรคให้ชนะเลือกตั้งเพื่อกลับมาเป็นรัฐตำรวจตระกูลชิน
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าการปฏิรูปประเทศให้สำเร็จสมบูรณ์ภายใต้เงื่อนเวลาอันจำกัดคงเป็นไปไม่ได้เพราะบางเรื่องต้องใช้เวลา อาทิ การลดความเหลื่อมล้ำในสังคม การแก้ปัญหาความยากจน แต่สามารถที่จะจัดอันดับความสำคัญก่อนหลังผลักดันการปฏิรูปในเรื่องที่เป็นวาระแห่งชาติสำคัญที่สุดบางเรื่องให้เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนได้ก่อนดังที่ยกตัวอย่างมาแล้วข้างต้น ซึ่งหากทำได้ก็น่าจะทำให้ทุกฝ่ายยอมรับการเลือกตั้งทั่วไปตามโรดแมปอย่างสบายใจ
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี