ในช่วงหลังเริ่มมีสัญญาณเหมือนโยนหินถามทางที่จะสะท้อนจากแม่น้ำ 2 สาย คือ คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญและสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ในการขับเคลื่อนให้มีการต่อท่ออำนาจของรัฐบาลเฉพาะกาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ออกไปให้นานที่สุดเพื่อวางรากฐานปฏิรูปประเทศไปสู่ยุทธศาสตร์“มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน”และจัดระเบียบวางกติกาสกัดไม่ให้วงจรอุบาทว์ทางการเมืองอันชั่วร้ายกลับมาบ่อนทำลายประเทศอีก
สัญญาณแรกก็คือข้อเสนอของ นายไพบูลย์นิติตะวัน สมาชิกสปช. ที่ให้ตั้งคำถามในการทำประชามติว่าประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ที่จะให้รัฐบาลเฉพาะกาลชุดนี้อยู่บริหารประเทศต่อไปอีก 2 ปีหลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญเพื่อปฏิรูปประเทศให้แข็งแรงสงบเรียบร้อยค่อยมีการเลือกตั้ง
สัญญาณที่สองคือแนวคิดของ นายวันชัย สอนศิริสมาชิกสปช. ที่ปลุกกระแสให้สมาชิกสปช.คว่ำร่างรัฐธรรมนูญเพื่อไปเริ่มนับหนึ่งกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ซึ่งเท่ากับยืดอายุรัฐบาลเฉพาะกาลออกไปอีกอย่างน้อย 2 ปี
ทั้งนี้ข้อเสนอทั้งของ นายไพบูลย์ และ นายวันชัยมองว่าหากขืนเลือกตั้งโดยที่การปฏิรูปประเทศยังไม่สะเด็ดน้ำในที่สุดหลังเลือกตั้งบ้านเมืองก็จะกลับไปสู่วิกฤติเลวร้ายเหมือนเดิม
ส่วนสัญญาณที่สามก็คือบทสรุปของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ร่างรัฐธรรมนูญที่ให้ตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์และการปรองดองซึ่งมีอำนาจเหนือฝ่ายบริหารคือ รัฐบาลและฝ่ายนิติบัญญัติคือรัฐสภา ถึงขนาดมีอำนาจพิเศษในกรณีที่รัฐบาลจากการเลือกตั้งไม่สามารถบริหารประเทศต่อไปได้อย่างราบรื่นหรือเกิดวิกฤติจลาจลจนเข้าสู่ภาวะรัฐล้มเหลว คณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯมีอำนาจใช้มาตรการที่จำเป็นเข้าแก้ไขสถานการณ์ให้กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
คณะกรรมการยุทธศาสตร์และการปรองดองจึงไม่ต่างอะไรจากอำนาจพิเศษซ้อนซ่อนรูปเหนือรัฐบาล ซึ่งเหตุผลที่มีอำนาจพิเศษนี้ก็เพื่อเป็นทางออกของชาติในยามพบทางตันและหลีกเลี่ยงการก่อรัฐประหารโดยกองทัพเหมือนที่ผ่านมา
สำหรับสัญญาณที่สี่ก็คือแนวคิดจุดกระแสตั้งรัฐบาลปรองดองแห่งชาติโดย ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และดร.เอนกเหล่าธรรมทัศน์ ประธานคณะกรรมาธิการศึกษาแนวทางสร้างความปรองดอง ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)ที่ให้ตั้งคำถามในการทำประชามติว่าประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ที่จะตั้งรัฐบาลเพื่อความปรองดองแห่งชาติที่มีสองพรรคใหญ่คู่ขัดแย้งคือพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ร่วมจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากโดยมีคนนอกเป็นนายกฯ ซึ่งแนวคิดนี้แนวโน้มเกิดยากเพราะแค่เริ่มต้นเหล่าสาวกระบอบทักษิณต่างดาหน้าออกมาต้านหัวชนฝา
นักการเมืองนั้นคำนึงถึงแต่ผลประโยชน์ของตัวเองแต่คสช.ทำทุกอย่างเพื่อชาติบ้านเมืองและมีบทเรียนรัฐประหารเสียของมาแล้วจากการยึดอำนาจภายใต้การนำของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ที่รีบปล่อยอำนาจให้มีการเลือกตั้งเร็วเกินไปจนในที่สุดบ้านเมืองก็กลับไปสู่วงจรอุบาทว์เหมือนเดิม ดังนั้นครั้งนี้ คสช.สรุปบทเรียนโดยวางยุทธศาสตร์จะไม่เดินซ้ำรอยบทเรียนในอดีตอีก ดังนั้นจำเป็นต้องทำทุกวิถีทางเพื่อยืดอำนาจของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ออกไปให้นานที่สุด เพื่อประคับประคองให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อยมีเสถียรภาพ มีหลักประกันแนวทางปฏิรูปประเทศที่มีประสิทธิภาพทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง เพราะหากปล่อยให้มีการเลือกตั้งและมีรัฐบาลจากนักการเมืองเร็วเกินไปอย่างไร้การควบคุมที่ดีในที่สุดวงจรอุบาทว์อันชั่วร้ายกลับมาแน่นอน
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี