มหาเถรสมาคม(มส.)ซึ่งมีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของธัมมชโย เจ้าสำนักธรรมกาย เป็นประธานถูกตั้งข้อสงสัยว่า จนป่านนี้ทำไมถึงไม่พิจารณาลงโทษธัมมชโยแต่กลับเร่งรีบประชุมลับเมื่อวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อลงมติเสนอชื่อสมเด็จช่วงเป็นพระสังฆราชองค์ใหม่ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ได้สรุปผลสอบสวนตามคำร้องของหลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐมโดยชี้ชัดว่าธัมมชโยปาราชิกตามพระบัญชาของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ตั้งแต่เมื่อปี 2542 กรณียักยอกเงินวัดเกือบ 1,000 ล้านบาทมาเป็นสมบัติส่วนตัวรวมทั้งทำผิดพระธรรมวินัยเผยแพร่ลัทธิที่ขัดต่อคำสอนของพระพุทธเจ้า โดยดีเอสไอส่งผลสอบสวนไปยังมส.แล้วแต่เรื่องกลับเงียบสนิทจนถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการปกป้องธัมมชโย
ล่าสุดสดๆ ร้อนๆ ดีเอสไอ ซึ่งประชุมร่วมกับสำนักงานอัยการสูงสุดเห็นชอบให้ดำเนินคดีกับ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งเป็นคนสนิทของ ธัมมชโย และพวก ซึ่งรวมทั้งธัมมชโย และเครือข่ายวัดพระธรรมกายในข้อหาฟอกเงินและรับของโจร
คดีมหกรรมโกงเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งเป็นเงินฝากของประชาชนทั่วประเทศที่ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุหรือข้าราชการบำนาญที่หวังกินดอกผลเลี้ยงชีพในช่วงบั้นปลายของชีวิตมูลค่ากว่า 16,000 ล้านบาทถูกนำไปเล่นแร่แปรธาตุซึ่งส่วนหนึ่งถูกโอนเข้าบัญชีของ ธัมมชโย และเครือข่ายสำนักธรรมกาย
ทั้งข้อหาปาราชิกตามคำบัญชาของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช รวมทั้งการถูกฟ้องร้องดำเนินคดีฐานรับของโจรและฟอกเงินของในคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นของ ธัมมชโย ถือเป็นข้อหาร้ายแรงที่น่าจะพ้นสถานะพระไปนานแล้ว
แต่น่าแปลกที่มส.กลับส่อเฉยเมยทำเหมือนทองไม่รู้ร้อนไม่นำวาระเรื่องของ ธัมมชโย เข้าพิจารณาเป็นเรื่องเร่งด่วนทั้งที่เป็นเรื่องร้ายแรง ซึ่งที่ผ่านมามส.ถูกวิพากษ์วิจารณ์และตั้งข้อสังเกตมาตลอดว่า ปกป้อง ธัมมชโย มาตลอดถึงขั้นเคยลงมติแย้งกับพระบัญชา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช โดยชี้ว่า ธัมมชโย ไม่ปาราชิก
การที่ดีเอสไอ รวมทั้งสำนักงานอัยการสูงสุดยุคนี้กล้าทำความจริงให้ปรากฏอย่างตรงไปตรงมาถือเป็นเรื่องที่ต้องชื่นชมและให้กำลังใจ เพราะหากเป็นยุคระบอบแม้วครองเมืองคดีใหญ่เหล่านี้รวมทั้งสิ่งชั่วร้ายต่างๆ เชื่อว่าจะถูกทำให้ดำเป็นขาวขาวเป็นดำหรือถูกแช่แข็งแน่นอนเพื่อปกป้องพวกเดียวกัน
เพราะฉะนั้นพุทธศาสนิกชนทั้งหลายต้องจับตาดูบทบาทของมส.ต่อไปว่าจะยึดความถูกต้องจัดการอย่างไรกับธัมมชโยหรือไม่ และเรื่องนี้จะเป็นหนึ่งในปมปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความเหมาะสมของสมเด็จช่วงซึ่งได้รับการเสนอชื่อเป็นประมุขสงฆ์องค์ใหม่ด้วย นอกเหนือจากข้อเคลือบแคลงในเรื่องผลประโยชน์รูปแบบต่างๆ ระหว่างสำนักธรรมกายกับเหล่าพระเถระผู้ใหญ่ในมส. ทั้งนี้กาลเวลาและกฎแห่งกรรมจะเป็นเครื่องพิสูจน์
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี