วันอาทิตย์ ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2568
การเปิดตัวออกมาดับเครื่องชนสู้ขั้นแตกหักแบบเลือดเข้าตาของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก
และเหล่าแกนนำเครือข่ายขบวนการระบอบทักษิณไม่เว้นแม้แต่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯที่อุตส่าห์หอบสังขารวัยไม้ใกล้ฝั่งออกมาร่วมถล่มคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)อย่างหนักหน่วงสะท้อนอาการดิ้นรนของระบอบทักษิณกำลังจะพ่ายแพ้ในทุกแนวรบจึงต้องทำทุกวิถีทางทำศึกแตกหักเพื่อเอาตัวรอดและหวังพลิกสถานการณ์กลับมามีอำนาจยึดครองประเทศอีกครั้ง
การออกมาเคลื่อนไหวของ นายทักษิณ ยังมีเป้าหมายเพื่อปลุกเร้าเหล่าสาวกให้มีความฮึกเหิมด้วยความหวังว่าจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ขณะเดียวกันเป็นการส่งสัญญาณเตือนเหล่าข้าราชการให้คิดให้ดีในการสนองนโยบายคสช.ที่สักวันหนึ่งต้องพ้นจากอำนาจ แต่การออกมาบงการเพื่อทำสงครามแตกหักของ นายทักษิณ ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันแตกต่างจากอดีตอย่างสิ้นเชิงหลังจากที่คสช.เข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 โดยมีการกวาดล้างกองกำลังติดอาวุธระบอบทักษิณ รวมทั้งใช้อำนาจและมาตรการทางกฎหมายจัดการกับเหล่าแกนนำระบอบทักษิณจนอยู่ในสภาพสะบักสะบอม ยังไม่รวมถึงร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งจะกำหนดกรอบปฏิรูปประเทศเพื่อล้างธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยอย่างรุนแรงทำให้อนาคตที่จะกลับมายิ่งใหญ่ของระบอบทักษิณเลือนรางเต็มที
ที่สำคัญตราบใดที่กองทัพยังคงอยู่ ระบอบทักษิณซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติคงยากที่จะกลับมายิ่งใหญ่ได้อย่างราบรื่น
ล่าสุดสำนักข่าวรอยเตอร์เผยแพร่บทวิเคราะห์ที่ชี้ว่า ขบวนการระบอบทักษิณนับวันจะเสื่อมจากการที่เครือข่ายนักการเมือง นักธุรกิจที่เคยให้การสนับสนุนระบอบทักษิณ ตลอดจนคนเสื้อแดงต่างพากันตีตัวออกห่างมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ภาคอีสานซึ่งเป็นฐานคะแนนเสียงอันเข้มแข็งของระบอบทักษิณช่วงที่ผ่านมาแต่ปัจจุบันพบว่าชาวอีสานไม่กระตือรือร้นสนับสนุนระบอบทักษิณเหมือนในอดีต
แม้แต่คนในพรรคเพื่อไทยบางคนก็ยอมรับว่าบทวิเคราะห์ของรอยเตอร์สอดคล้องกับความเป็นจริงภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันโดยเครือข่ายที่เคยสนับสนุนระบอบแม้วทั้งนักการเมือง ข้าราชการท้องถิ่น หรือนักธุรกิจต่างพากันแตกกระเจิงไปคนละทาง ไม่เว้นแม้แต่คนเสื้อแดงจำนวนไม่น้อยที่แสดงท่าทีชัดเจนตีตัวออกห่าง ซึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก่อนหน้านี้ก็คือ การประกาศยุติบทบาทในฐานะขุนพลคนเสื้อแดงภาคอีสานของ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ที่ประกาศวางมือทางการเมือง หรือ ของ นายขวัญชัย ไพรพนา ที่หันมาร่วมขบวนการสร้างความปรองดองของคนทุกสีในจ.อุดรธานี
ที่สำคัญภายใต้อำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ทำให้ขณะนี้อดีตสส.และหัวคะแนนพรรคเพื่อแม้วจำนวนไม่น้อยได้เล็งหาพรรคใหม่สังกัด เพราะอนาคตของระบอบแม้วนั้นหมดลงแล้วโดยเฉพาะบารมีของ นายทักษิณ และตระกูลชินมีแต่จะเสื่อมลงเรื่อยๆ
ขณะที่แกนนำ นักวิชาการ และมวลชนเสื้อแดงจำนวนไม่น้อยที่ตีจากระบอบทักษิณเนื่องจากเห็นว่าที่ผ่านมา
นายทักษิณ ไม่จริงใจหลอกใช้คนเสื้อแดงเป็นเครื่องมือเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองมาตลอด และเมื่อคนเสื้อแดงหมดประโยชน์ก็ถูกลอยแพให้ติดคุกอย่างไม่เหลียวแล โดยเฉพาะคนเสื้อแดงในเหตุการณ์ก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเมื่อปี 2553
อีกตัวอย่างคือเหตุการณ์ก่อจลาจลทั่วกทม.และบุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำชาติอาเซียนที่พัทยาเมื่อปี 2552 นายทักษิณ ปลุกระดมให้มวลชนเสื้อแดงสู้ตาย โดยหากมีกระสุนปืนนัดแรกดังขึ้นเมื่อไหร่ตัวเองจะกลับมานำทัพคนเสื้อแดงสู้แตกหักทันที แต่หลังกำลังทหารเข้ากระชับพื้นที่และระดมยิงปืนขึ้นฟ้าขู่และสลายม็อบเสื้อแดงได้อย่างราบคาบโดยไม่เสียเลือดเนื้อ แต่ นายทักษิณ และครอบครัวกลับบินไปตั้งหลักนอกประเทศใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยไม่สนใจคำสัญญาจะกลับมานำทัพคนเสื้อแดงอย่างสิ้นเชิง
หรือกรณียุครัฐบาลยิ่งลักษณ์มีมวลชนเสื้อแดงกลุ่มหนึ่งเสนอให้ออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมเฉพาะประชาชนทุกสีที่ออกมาชุมนุมโดยสันติวิธีไม่ครอบคลุมแกนนำและคนบงการเพื่อความปรองดอง แต่ นายทักษณ กลับค้านหัวชนฝาเพราะตัวเองไม่ได้ประโยชน์และมีการปลุกระดมเรียกร้องให้มวลชนกลุ่มเสื้อแดงส่วนน้อยเสียสละเพื่อส่วนใหญ่ด้วยการผลักดันพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยเพื่อให้ตัวเองได้กลับบ้านแบบเท่ๆ โดยไม่ต้องติดคุก
ขณะที่ระบอบทักษิณอยู่ในภาวะเสื่อม คสช.เองนับวันก็ถูกกระแสโจมตีหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ซึ่งประเด็นอ่อนไหวที่สุดซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. จะต้องระวังไม่ให้เกิดวิกฤติศรัทธาของประชาชนอย่างเด็ดขาดโดยเฉพาะประเด็นเรื่องการทุจริตโดยคนใกล้ตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ รวมทั้งต้องสร้างผลงานให้เข้าตามหาชนทั้งประเทศโดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจปากท้องประชาชน ตลอดจนการปฏิรูปประเทศทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้งเพื่อขจัดธุรกิจการเมืองและเผด็จการทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมอันเป็นต้นเหตุของวิกฤติชาติตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ให้หมดสิ้นไป
ทั้งนี้ ภายใต้สถานการณ์ของประเทศในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเปลี่ยนผ่านไปสู่การปฏิรูปประเทศให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ถือเป็นช่วงอันตรายเพราะหากประชาชนเกิดวิกฤติศรัทธาผิดหวังต่อคสช.นั่นเท่ากับเปิดช่องให้ระบอบธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยอันชั่วร้ายมีโอกาสฟื้นคืนชีพกลับมาเป็นฝันร้ายทำลายชาติบ้านเมืองอีกครั้ง
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี