การที่พรรคเพื่อไทยภายใต้การบงการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร  นักโทษหนีคุกดึงดันพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้สำเร็จโดยเร็วด้วยข้ออ้างที่ว่าเพื่อลบล้างโทษความผิดให้กับคนทุกสีที่ได้รับผลกระทบทางการเมืองตั้งแต่หลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549จนถึงเดือนพ.ค.2554  อันจะนำไปสู่การสร้างความปรองดองในชาติถูกตั้งข้อสังเกตุว่าเป็นเพียงข้ออ้างบังหน้าโดยซ่อนเป้าหมายแอบแฝงที่แท้จริงนั่นคือมุ่งฟอกโทษความผิดทั้งหมดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และเหล่าแกนนำคนเสื้อแดงที่เป็นผู้ต้องหาก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเมื่อปี 2553

แม้จะอ้างว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับล่าสุดที่เสนอโดย นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และพวก 42 คนไม่ได้มีเป้าหมายมุ่งฟอกโทษความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และบรรดาแกนนำคนเสื้อแดง แต่อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยเคยเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมไปแล้ว 5 ร่างซึ่งบางร่างมีเนื้อหาให้นิรโทษกรรมกับทุกคนทุกสีโดยไม่มีข้อยกเว้นซึ่งหากมีการนำร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับ นายวรชัย และพวกขึ้นมาพิจารณาเชื่อได้เลยว่าจะต้องมีการเสนอให้พ่วงนำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษฯฉบับอื่นๆเข้ามาพิจารณารวมในคราวเดียวกัน ซึ่งแน่นอนว่าพรรคร่วมรัฐบาลสามารถอาศัยพวกมากลากไปแปรญัตติยำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษได้ตามใจชอบตามธงที่วางแผนไว้ล่วงหน้า

และถึงแม้ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับ นายวรชัย และพวกจะมีเป้าหมายมุ่งนิรโทษกรรมเฉพาะมวลชนระดับล่างที่ได้รับผลกระทบทางการเมืองไม่รวมผู้สั่งการและเหล่าแกนนำก็ตามก็ยังมีช่องโหว่ ซึ่งก่อนหน้านี้ นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ รมช.พาณิชย์ แกนนำคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองปี 2553 ก็ออกมาแบไต๋แล้วว่า การชุมนุมของม็อบคนเสื้อแดงจนนำไปสู่การสร้างสถานการณ์ก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองไม่มีผู้สั่งการและไม่มีแกนนำแต่เป็นการออกมาร่วมกันต่อสู้เพื่อปาะชาธิปไตย ซึ่งในเมื่อไม่มีผู้สั่งการและไม่มีแกนนำนั่นเท่ากับหมายความว่าทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ บรรดาแกนนำคนเสื้อแดง ตลอดจนบรรดาผู้ก่อเหตุรุนแรงล้วนอยู่ในข่ายได้รับการนิรโทษกรรมในฐานะผู้ได้รับผลกระทบทางการเมือง

การที่อ้างว่าผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่คนทุกกลุ่มทุกสีเพื่อนำไปสู่ความปรองดองจึงเป็นข้ออ้างเพื่อกลบเกลื่อนเป้าหมายที่แท้จริงของระบอบทักษิณและขัดแย้งกับสถานการณ์ที่เป็นจริงอย่างสิ้นเชิง เพราะฝ่ายค้านคือพรรคประชาธิปัตย์หรือกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือพลังมวลชนอีกหลายกลุ่มต่างแสดงจุดยืนชัดเจนมาตลอดว่าไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งถูกศาลตัดสินลงโทษจำคุกฐานในคดีทุจริต และยังเป็นจำเลยที่ 1 ในคดีก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองร่วมกับบรรดาแกนนำคนเสื้อแดง รวมไปถึงกลุ่มฮาร์ดคอร์คนเสื้อแดงอีกหลายคนที่ก่อคดีอาญาร้ายแรงโดยบางคนใช้อาวุธสงครามร้ายแรงมุ่งยิงใส่วัดพระแก้วเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรง

ทั้งนี้ แกนนำพรรคประชาธิปัตย์โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคและผู้นำฝ่ายค้าน และอดีตนายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯฝ่ายความมั่นคงประกาศชัดเจนว่าพร้อมที่จะต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมในเหตุการณ์เมื่อปี 2553 โดยไม่ขอรับการนิรโทษกรรม เช่นเดียวกับบรรดาแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ปฏิเสธขอรับการนิรโทษกรรมและขอสู้คดีข้อหาก่อการร้ายกรณีบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิตามกระบวนการยุติธรรมเช่นกันเพื่อรักษาหลักนิติรัฐ

เพราะฉะนั้นการเร่งรัดหักดิบผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคเพื่อไทยจึงไม่ใช่คำตอบที่จะนำไปสู่ความปรองดองอย่างที่อ้างเพราะการปรองดองต้องเป็นการความยินยอมพร้อมใจร่วมมือจากคู่กรณีทุกฝ่าย ตรงกันข้ามกลับจะยิ่งเป็นชนวนให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟเพื่อผลประโยชน์แอบแฝงของคนเฉพาะกลุ่มเท่านั้น

ทีมข่าวการเมือง