นับเป็นความอัปยศที่ขบวนการขี้ข้านักโทษชายแม้วใช้แผนสายฟ้าแลบรวบรัดหักดิบชิงบรรจุร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับทะลุซอยเข้าสู่วาระการพิจารณาในวาระ 2 ของสภาผู้แทนฯวันที่ 31 ต.ค. และวางแผนรวบรัดลงมติวาระ 3 ในวันที่ 2 พ.ย. ซึ่งเป็นการเติมเชื้อไฟนำพาชาติไปสู่ความวิบัติเร็วขึ้น

พฤติกรรมของ นักโทษชายแม้วนับวันจะยิ่งสะท้อนธาตุแท้ความกะล่อนปลิ้นปล้อนหลอกทุกฝ่ายเพื่อสนองตัณหาตัวเอง โดยหลอกคนทั้งประเทศอ้างว่าการหักดิบดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแบบทะลุซอยก็เพื่อสร้างความปรองดอง ทั้งๆ ที่ความจริงที่เห็นกันอยู่กลับตรงกันข้ามสิ้นเชิงเพราะนอกจากจะไม่สร้างความปรองดองอย่างที่อ้างแล้ว กลับสุมเชื้อไฟแห่งความแตกแยกให้ลุกโชนรุนแรงยิ่งขึ้นจนมีแนวโน้มนำไปสู่การนองเลือด

แม้แต่พวกเดียวกันเองแท้ๆ นั่นคือมวลชนเสื้อแดงรากหญ้าก็ได้รับการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าถูกนักโทษชายแม้ว หลอกใช้เป็นเครื่องมือ แล้วในที่สุดก็ถูกนักโทษชายแม้ว ทรยศหักหลังอย่างไม่แยแส ซ้ำตบหัวแล้วลูบหลังมวลชนเสื้อแดงให้ยอมเสียสละเพื่อตัวเองจะได้รับการลบล้างโทษความผิดทั้งหมดและกลับบ้านแบบเท่ๆ โดยไม่ต้องติดคุกตามคำพิพากษาศาล

จากการลุแก่อำนาจรวบรัดพ.ร.บ.นิรโทษทะลุซอยทำให้กลุ่มสส.พรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป่านกหวีดเริ่มสงครามแตกหักทันทีเพื่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมทะลุซอยจนถึงที่สุด โดย 4 สส.ซึ่งเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคเพื่อป้องกันถูกร้องเรียนต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคประกอบด้วย นายกรณ์ จาติกวณิช นายถาวร เสนเนียมนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู และนายอิสระ สมชัย ทั้งนี้ เพื่อเข้าร่วมการเคลื่อนไหวกับภาคประชาชน

โดยกลุ่มสส.พรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าร่วมชุมนุมแสดงพลังที่บริเวณสถานีรถไฟสามเสนตั้งแต่เย็นวันที่ 31 ต.ค. เป็นต้นไปเพื่อคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ฉบับทะลุซอยจนถึงที่สุด

นอกจากการชุมนุมของพรรคประชาธิปัตย์ที่บริเวณสถานีรถไฟสามเสนแล้ว ยังมีอีก 3 กลุ่มที่เคลื่อนไหวโดยมีเป้าหมายเดียวกันนั่นคือ เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ซึ่งปักหลักชุมนุมอยู่ที่แยกอุรุพงษ์ กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ซึ่งปักหลักอยู่ที่สวนลุมพินี และกลุ่มประชาชนชาวสีลมที่มีข่าวว่าเตรียมนัดชุมนุมเคลื่อนไหวในวันที่ 31 ต.ค. นี้ ยังไม่รวมพลังประชาชนจากทั่วสารทิศที่พร้อมออกมาแสดงพลัง

ขณะที่ นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร แกนนำคนเสื้อแดง เย้ยหยันพลังประชาชนคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับทะลุซอยว่าไร้น้ำยา และเชื่อว่าทหารและตำรวจเอาอยู่โดยไม่มีการแตกแถวแน่นอน ซึ่งท่าทียั่วยุของ นายขวัญชัย รวมทั้งแกนนำพรรคเพื่อไทยอีกหลายคนยิ่งเป็นการสุมไฟทำให้ประชาชนเดือดพล่านมากยิ่งขึ้น

สถานการณ์จากนี้ไปจึงเริ่มนับถอยหลังไปสู่สงครามขั้นแตกหักซึ่งที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะความเห็นแก่ตัวของนักโทษชายแม้วที่คิดแต่จะทำทุกอย่างเพื่อสนองตัณหาตัวเองโดยไม่คำนึงถึงความหายนะใดๆ ที่จะเกิดกับชาติบ้านเมืองทั้งสิ้น