ท่ามกลางแนวโน้มนับถอยหลังสถานการณ์ที่ส่อเค้าวิกฤติรุนแรงจากการทำศึกแตกหักระหว่างรัฐบาลทรราชหุ่นเชิดระบอบทักษิณภายใต้การนำของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับมวลมหาประชาชนโดยการนำของกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.)จากการชี้ชะตาน.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยศาลรัฐธรรมนูญในคดีย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติโดยไม่ชอบด้วยกฏหมาย ทำให้บางฝ่ายพยายามหาทางออกเพื่อคลี่คลายวิกฤติประเทศก่อนที่จะเกิดการนองเลือด โดยความเคลื่อนไหวล่าสุดที่น่าจับตาก็คือแนวคิดของคณะรัฐบุคคลนำโดย พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด
คณะรัฐบุคคลเป็นการรวมตัวของบุคคลสำคัญในอดีต อาทิ ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการอิสระ พล.อ.วิมล วงศ์วานิช อดีตผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อ.กันต์ พิมานทิพย์ อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.ร.อ.วิเชษฐ การุณยวนิช อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ ดร.อมร จันทรสมบูรณ์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฏึกา ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย
การแถลงครั้งล่าสุดของคณะรัฐบุคคลได้ทำเรื่องเสนอไปยัง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เพื่อชี้ให้เห็นว่าสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ได้มาถึงทางตันและมีแนวโน้มที่จะเกิดกลียุคมิคสัญญีซึ่งต้องหาทางออกคลี่คลายวิกฤติอย่างเร่งด่วนโดยไม่จำเป็นต้องรอผลการวินิจฉัยชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญ โดยบุคคลที่จะทำหน้าที่ประสานงานเพื่อคลี่คลายวิกฤติขณะนี้ได้ก็คือ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ด้วยการเรียกผู้นำกองทัพ ผู้นำฝ่ายตุลาการและผู้นำภาคสังคมทุกส่วนมาร่วมหาทางออกผ่าทางตันแล้วร่างพระบรมราชโองการนำขึ้นทูลเกล้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย โดยประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษเป็นผู้สนองพระบรมราชโองการ ซึ่งการพึ่งพระบารมีในลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และ เหตุการณ์พฤษภาทมิฬเมื่อปี 2535
ทั้งนี้ ดร.ปราโมทย์ ย้ำว่าแนวคิดของคณะรัฐบุคคลไม่เกี่ยวข้องกับการใช้มาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ ข้อเสนอของคณะรัฐบุคคลแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับแนวคิดของ นายชัยเกษม นิติสิริ ผู้ทำหน้าที่รมว.ยุติธรรม ซึ่งเป็นมือกฏหมายของพรรคเพื่อไทยโดยประเด็นแรก ข้อเสนอคณะรัฐบุคคลให้ดำเนินการในทันทีโดยไม่ต้องรอภาวะ”สุญญกาศ”จากการชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ข้อเสนอของ นายชัยเกษม ให้อาศัยมาตรา 7 เพื่อขอพระราชทานพระราชวินิจฉัยทางออกแก่ประเทศหลังศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดซึ่งเท่ากับแฝงเล่ห์ทางการเมืองอาศัยพระบรมราชวินิจฉัยเป็นเครื่องมือลบล้างอำนาจคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญซึ่งไม่บังควรเป็นอย่างยิ่ง
ประเด็นที่สอง คณะรัฐบุคคลเสนอให้ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษเป็นผู้สนองพระบรมราชโอการ แต่ข้อเสนอของ นายชัยเกษม ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นผู้ทูลเกล้าฯเพื่อขอให้ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยซึ่งเป็นการโยนภาระทั้งมวลให้สถาบันเบื้องสูงอันเป็นการดึงฟ้าลงต่ำ และเป็นการทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังอยู่ในอำนาจต่อไป
เพราะฉะนั้นความเคลื่อนไหวที่ต้องจับตาต่อไปคือแนวคิดของคณะรัฐบุคคลจะได้รับการตอบสนองจากประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็เป็นการจุดประกายทางออกที่ทำให้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ในการคลี่คลายวิกฤติชาติที่ใกล้ถึงจุดแตกหัก
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี