มอบความสุขด้วยบทเพลงอันไพเราะ สร้างผลงานที่น่าประทับใจด้วยน้ำเสียงที่ทรงคุณภาพให้กับแฟนๆ มาอย่างยาวนานสำหรับ เม้าท์-สุดา ชื่นบานแม้จะอายุ 70 ปีแล้ว ซึ่งถ้าเป็นคนปกติทั่วไปวัยเท่านี้ น่าจะถึงเวลาที่ต้องพักผ่อนร่างกายใช้ชีวิตในบั้นปลายตามใจชอบแต่ “ป้าเม้าท์” กลับบอกว่ายังมีความสุขในการร้อง (เพลง)เล่น (ละคร) เต้น (ลีลาศ) โชว์ สนุกสนานและ ยังไหวอยู่เพราะทุกอย่างที่ยังทำอยู่ในวันนี้ เป็นอาชีพที่รักและภาคภูมิใจ เหมือนเป็นพลังเล็กๆ คอยหล่อเลี้ยงชีวิตให้เธอก้าวเดินต่อไปในแต่ละวันอย่างสุขใจ ฉะนั้น “ป้าเม้าท์” ยังคงยืนหยัดที่จะสร้างสรรค์และผลิตงานให้แฟนเพลงจดจำเธอไปเรื่อยๆ “สตาร์เรทโทร” สัปดาห์นี้ขอร่วมเป็นอีกหนึ่งหน้า บันทึกความทรงจำของ เม้าท์-สุดา ชื่นบาน
l ย้อนเส้นทางในอดีต
ไม่มีอะไรมากค่ะ เป็นนักร้องอาชีพรุ่นที่เรียกว่า “รุ่นบุกเบิก” ถัดมาจากรุ่นพี่จุ๊(จุรี โอศิริ) ส่วนงานละครงานแสดงก็เป็นรุ่นที่ไม่มีการบอกบท คือต้องจำเองและท่องเอง คือสมัยก่อนมันจะมีคนบอกบท รุ่นพี่จุ๊นี่จะเป็นรุ่นที่มีคนบอกบทแต่รุ่นเราจะเป็นรุ่นที่มาทำกับคุณภัทราวดี(ภัทราวดี มีชูธน) แล้วก็ต้องท่องบทละคร ก็ไม่ยากนะ เพราะสมัยตอนที่เราเป็นนักเรียนก็เรียนรำไทย เราต้องซ้อมกว่าจะรำได้ หรือพูดได้ไม่ใช่วันเดียว ต้องซ้อมเป็นเดือนเป็นปี เพราะฉะนั้นก็เลยแม่นอยู่ในหัว เราก็จะคุ้น เราเรียนรำไทยกับเฉลิมสาสน์นาฏศิลป์มาตั้งแต่เด็กจนจบนั่นคือพื้นฐาน ส่วนงานร้องเพลงก็เริ่มจากเพลงฝรั่ง เพราะว่าเพลงไทยคนร้องเก่งๆ เยอะมาก เราสู้เขาไม่ได้หรอกเราก็เลยต้องเลือกไปร้องเพลงฝรั่ง ตอนนั้นไม่มีคนร้องด้วย กระแสตอบรับก็โอเค มันเป็นไนท์คลับ คนมาเที่ยวมาเต้นรำ เราถึงเต้นรำเป็น เพราะเราดูคนเต้นรำ มันต้องทุกจังหวะ ไม่ใช่ลาตินอเมริกาอย่างเดียว มีทุกจังหวะจริงๆ (เน้นสียง) นั่งดูเนี่ย ที่เต้นได้ก็เพราะดูคนเต้นกันสมัยก่อนคุณบุญเลิศ(อ.บุญเลิศ กระบวนแสง ตำนานบุญเลิศลีลาศ) จะต้องไปเต้นที่เราร้องเพลงทุกคืนเพื่อซ้อมเต้นของเขา เราก็ดูเขาเต้นมาตลอด เราก็จำแล้วก็เต้น เหมือนอย่างกินอาหารฝรั่ง กินเป็นเพราะอะไร กลางวันเขาขายอาหารฝรั่ง เราก็จะรู้ว่า อ๋อ เขาวางอย่างงี้เขาเซตแบบนี้ หยิบมีดแบบนี้ หยิบช้อนแบบนั้น คือได้จากตรงนั้น ซึ่งเดี๋ยวนี้ไม่มี เมื่อสมัยก่อนสถานที่ที่เราทำงาน กลางวันจะขายอาหารชุด คืออาหารฝรั่ง แล้วลูกค้าระดับประเทศที่ไปนั่งกินกัน ระดับผู้ใหญ่ เราก็เรียนมาจากตรงนั้นทั้งนั้น เรียนจากการใช้ชีวิต เพราะชีวิตีคือการเรียนแล้วคนที่เที่ยวสมัยก่อนคือระดับนายพลฯ สมัยโน้นพ.ศ.2504 -2505
l ความเปลี่ยนแปลงที่เปลี่ยนไป
แน่นอน ถ้าไม่มีความเปลี่ยนแปลง ก็ไม่ใช่โลก สมัยก่อนเรามีคนแค่ 16 ล้าน สมัยเราเนี่ยเขาจะร้องเพลง 16 ล้าน…..เขามีเป็นเพลงเลยนะคะ แล้วเดี๋ยวนี้เท่าไหร่ จะไปให้เหมือน 16 ล้านอย่างเก่าก็ไม่ใช่ ประเทศเราก็ไม่มีอะไรเพิ่มขึ้นเลย แล้วก็ไม่มีอะไรที่ต้องพัฒนาขึ้นเลยเหรอ แต่บางทีเราก็ยังอยากให้เป็นเราอยู่เนอะ ชอบจัง
l หลงรักและหวงแหนกลิ่นอายไทยเดิม
ของของเราดีๆ มีเยอะ แต่คนส่วนใหญ่ละเลยไปหลายอย่าง เดี๋ยวนี้พยายามกลับมานุ่งผ้าซิ่นให้ทุกคนเห็น พอถ่ายรูปลงโซเชียล มีคนเข้ามาดูเป็นพันนะ เพราะเรานุ่งผ้านุ่งสวย เราไม่ได้นุ่งแบบกะเล่อกะล่า ไม่ใช่หัวมุงกุฎท้ายมังกร (เรียกว่ากำลังจะเรียกคืนวัฒนธรรมเดิมๆ กลับมา) ถูกต้อง เพราะว่ามันสวยงาม สมัยก่อนคนถูกฆ่าขึ้นหน้าหนึ่งเป็นข่าวใหญ่เลยนะ ใหญ่มาก (เน้นเสียง) แต่เดี๋ยวนี้เป็นเรื่องปกติ แต่ก่อนซอยปุณณวิถี เตือนใจ ที่ถูกฆ่า เป็นข่าวโอ้โห ชนิดที่ว่าใหญ่โตมโหระทึกมากนั่นคือข่าวชั่วนะ ขึ้นหน้าหนึ่งเลย แต่เราก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะเป็นเต่าล้านปี คุณพูดเรื่องใหม่ฉันก็รู้เรื่องนะ คุณจะเล่นอะไร ฉันก็ดูหมด เพราะเราดูแล้วเราต้องทำใจ เราไม่ไปติเตียนเขา แต่เรานั่งดูว่าอะไรดีเอามา อะไรไม่ดีก็อย่าไปเอามา คุณอยากรู้ไหมกางเกงขาสั้นฮอตแพนต์สเนี่ย ดิฉันใส่มาแล้วสมัยก่อน ใส่สวยกว่าเด็กพวกนี้อีก เพราะว่าในการใส่ฮอตแพนต์สขึ้นมาเนี่ย คุณต้องใส่ถุงเท้า รองเท้า คุณต้องสวย ไม่ใช่ลากรองเท้าแตะ แล้วสมัยเราเป็นนักเรียน เสื้อเราไม่เคยหลุดจากเอวนะ ต้องเรียบร้อย เพราะว่าเมื่อตอนเราเรียน ชั้นเตรียมก่อนที่จะเอนทรานซ์ ถ้าคุณแต่งตัวไม่เรียบร้อยคุณทุเรศมาก ฉะนั้นคุณต้องแต่งตัวเรียบร้อย (แล้วสมัยนี้เวลาเห็นเด็กๆ ที่แต่งตัวไม่เรียบร้อย โมโหหงุดหงิดไหม) ก็นึกอย่างเดียวมันไม่มีพ่อ-แม่สอน ง่ายๆ สั้นๆ สมัยก่อนเขาจะมองกันหัวจรดเท้า ถ้าคุณแต่งตัวกันแบบนั้น แล้วเสื้อผ้าเราเรียบร้อย ผมเราเรียบร้อย เราอยู่ในกฎและเกณฑ์ มันไม่เสียหายถ้าเราจะทำ มันไม่ได้เสียศักดิ์ศรีหรอกการที่อยู่ในกฎในเกณฑ์ เพราะว่าอะไรรู้ไหมคะ คนจำนวนมากร้อยพ่อพันแม่ คนนั้นจะเอาอย่างงั้น คนนี้จะเอาแบบนี้ถ้าคุณไม่มีกฎเกณฑ์จะไปต่อได้ยังไง เดี๋ยวนี้มันไม่มีวิชา ศีลธรรมและหน้าที่พลเมือง เพราะฉะนั้นเด็กปัจจุบันนี้ถึงได้ครึ่งๆ กลางๆ เพราะคุณไม่ได้เรียน ศีลธรรมและหน้าที่พลเมือง คุณไม่ได้เรียนประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ คุณไม่ได้เรียนสิ่งเหล่านี้ คุณไม่ได้เรียนการอ่านออกเสียง คุณไม่ได้เรียนการเขียนไทย ลายมือเหมือนลายตีน ขอโทษที ดิฉันทนไม่ไหว เพราะว่าอะไร มันช่วยไม่ได้ เพราะคุณเร่งกันเกินไป จริงๆ แล้วเรามีอะไรที่สวยงามแต่คุณทิ้งไปทำไม ก็ช่วยไม่ได้ คุณอยากทิ้งก็ทิ้งไปสิ แต่เราไม่ทิ้ง เรายังคงของเรา ลูกๆ ก็จะคุ้นชินกับแม่ที่ตอนเช้าๆ เห็นแม่นั่งสวดมนต์แต่ดิฉันก็จะบอกกับลูกว่า อย่ามาเอาอะไรกับแม่มากนะ แม่ไม่ไปวัด แม่ก็ไหว้พระที่บ้านนี่จบแล้ว คืออย่างน้อยมีเวลาสงบ เป็นชาวพุทธที่กระท่อนกระแท่นพอสมควรแต่ก็ทำในสิ่งที่ดีๆ เป็นคนดีจบข่าว!
l สัมพันธ์กับลูกสาวทั้งสองคน
โชคดีที่มีลูกดีค่ะ ลูกเป็นคนดี แหม่ม (พัชริดา วัฒนา) ก็แต่งงานไป 20 กว่าปีแล้ว แต่ไม่มีลูก เพราะเขาก็พร้อมที่จะไม่มีลูก (ไม่อยากอุ้มหลานบ้างเหรอคะ) อะไรก็ได้ เราอย่าไปโน่นนั่นนี่เลย ชีวิตของเขา เพียงแต่ว่าแค่เราตายไปแล้วเรารู้ว่าเขาอยู่ได้ จบ ส่วน โมเม (นภัสสร บุรณศิริ) ยังไม่แต่งหรือยังไงก็แล้วแต่เขา ไม่ว่ากัน เขาสบายๆ เขาอยากแต่งก็แต่งเรื่องของเขา ทุกวันนี้เขาให้เงินเดือนแม่ใช้ เขาไม่อยากให้แม่ต้องไปอะไรมาก แต่ก็รู้ว่าเขาอยากให้แม่ทำงานสบายๆ แต่เขาก็คงคุ้นชินกับการทำงานของเรามาตลอด ก็เลยไม่เป็นปัญหาอะไร อย่างปีนี้ เขาก็มีแพลนจะพาไปเที่ยวญี่ปุ่น แต่เราจะชอบเที่ยวคนเดียว ไปเมืองนอกนี่แบ๊กแพ็กคนเดียวตลอด
l แบ๊กแพ็กคนเดียวกับอายุเท่านี้
จริงๆ เราก็มีเพื่อนไป แต่เพื่อนแต่ละคน เขาก็ทำงานร้านอาหาร เพราะฉะนั้นเขาก็จะมาเทคแคร์ดูแลเราไม่ได้ เราก็ไปของเราคนเดียว ที่ชอบไป สมิธโซเนี่ยน วอชิงตันดี.ซี. ก็จะเดินดู หิวก็ลงเดินข้างทางกินน้ำกินอะไร ดูกระรอกอะไรต่างๆ นานาไป ถึงเวลาก็นั่งรถใต้ดินกลับ เพราะเด็กเขาก็จะบอกว่า คุณป้าๆ ไปตรงนี้นะกี่ดรอป คุณป้าดูตรงนี้มันจะขึ้นดาวน์ทาวน์เลยนะ ขากลับคุณป้าก็มาตามนี้นะ เราก็จำ จริงๆ ก็ไม่ถึงขนาดแบ๊กแพ็กหรอก เพราะว่าเราก็มีเพื่อนอยู่ แต่ถ้าจะให้ไปกับทัวร์ก็ไม่ชอบไม่สนุก ไปคนเดียวแบบนี้มีที่นอนมีที่อยู่ คุณจะไปที่หนึ่งก็เป็นเดือนๆ ก็ได้ไป อยู่บ้านเพื่อนคนนี้ 5 วัน คนนั้น 7 วัน ก็แล้วแต่ ไปบอสตัน โคโลราโด เท็กซัส ก็ไปมาสนุกๆ ค่ะ
l ที่เที่ยวที่ยังไม่เคยไป
จริงๆ อยากไปเที่ยวในประเทศนะ ชอบเที่ยวในประเทศ สิ่งที่อยากดูมากที่สุดตอนนี้คือ ปราสาทเขาพนมรุ้งบุรีรัมย์ อยากไปมาก แต่ถ้าให้แบ๊กแพ็กไปอีก ลูกๆ เขาไม่ให้ไปแล้วค่ะ เพราะตั้งแต่หกล้มมาเนี่ย เขากลัว
l เรียนรู้โลกจากการออกเดินทาง
เยอะแยะมากมาย ชีวิตเราคนเดียวเดินไปมีขวดน้ำ ผ้าเช็ดหน้า กระเป๋าสะพายให้ดีๆ ข้างใน ยาดม ยาอมยาลม ยาหม่อง มีอะไรก็เตรียมไว้ เบอร์โทรศัพท์ก็เตรียมไว้ให้เรียบร้อย เผื่อมีปัญหา เขาจะได้หาเราเจอ อย่างล่าสุดปีที่แล้วไปอังกฤษมา แต่ไม่ได้แบ๊กแพ็กนะ ลูกๆ พาไป เพราะตอนนั้นขาเจ็บ ส่วนหกล้มมาเป็นทีหลัง ตอนนี้มีปัญหาเรื่องขา
l ได้ข่าวว่าเป็นคุณแม่ที่ค่อนข้างดุ
ด้วยความจำเป็น ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก ตอนนี้เราสบายละ เห็นไหมล่ะเราต้องสอนให้ลูกต้องรู้จักเก็บเตียงเอง กวาดห้องเอง ทำงานเอง ถึงคุณจะมีเงินแค่ไหนคุณก็ต้องรู้จักทำเอง ซึ่งลูกๆ ทั้งคู่ก็โอเคค่ะ ถึงแม้จะคนละพ่อ น้องก็รักพี่ แล้วพี่เขาก็รักน้อง น้องเชื่อพี่ พี่ดุน้องเขาก็ฟัง โอเคมาก สบายมากตอนนี้ เหมือนเราได้เคี่ยวมาตั้งแต่เล็กๆ แล้ว อะไรที่ทำให้ชีวิตยุ่งยากอย่าทำนะ กรุณาอย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ต้องทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก ลองไปถามโมเมสิ ว่าแม่สอนยังไง เขาก็
จะพูดแบบนี้ “แม่สั่งไว้เลยว่า อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่” นี่คือคำสอนประจำครอบครัวเราค่ะ
l สภาวะที่ต้องทำงานควบเลี้ยงลูก
ไม่ท้อนะ โอเคเลย ไม่มีอะไร เพราะเรามองโลกในแง่ดีด้วยแหละ อาจจะมีบ้างตอนสามีทิ้ง แต่เป็นพักหนึ่ง เราก็จะนึกอย่างเดียวว่า เอ้ย! ฉันจะมานั่งเสียใจทำไมเนี่ย ในเมื่อเขาไม่รักเรา ก็คือ เขาไม่รัก ถ้าเขารักเรา เขาก็ต้องอยู่กับเรา ในเมื่อเขาไม่รักเราแล้ว เราจะไปเรียกเขากลับมาทำไม แต่ที่เห็นข่าวหน้าหนึ่งทุกวันนี้ สงสารนะ อย่างว่าเด็กเขาทำงานไม่ได้ เขาต้องพึ่งพาผู้ชาย เขาก็เลยแย่ แต่เราไม่ต้องพึ่งพาผู้ชาย เงินเดือนเราเยอะกว่าด้วย เพราะฉะนั้นไม่เดือดร้อน อันนี้ก็เป็นนิสัยไม่ดีของเราเหมือนกัน คือ ไม่ง้อ แต่มันช่วยไม่ได้ ถ้าคนที่เขาง้อ เพราะเขายังไม่มีรายรับ อันนี้มันจำเป็น ลูกก็ร้องไห้เพราะฉะนั้นชีวิตมันมืดแปดด้านสำหรับคนที่เจออยู่ในขณะนี้ ส่วนของเราโชคดี ขอบคุณฟ้าดิน ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เหมือนกับเราเห็นทางออกได้เร็ว เพราะฉะนั้นเราจะตัดสินใจได้ง่าย และเร็วมาก ไม่มีอะไรที่ยุ่งยากในโลกนี้ เพราะเราเจออะไรๆ ที่ยุ่งยากมากๆ มาหมดแล้ว ฉะนั้นวันนี้เลยเป็นเรื่องง่ายทุกอย่าง เรียกว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมา 70 ปีแล้วค่ะ
l 70 ยังแจ๋ว
ก็ไม่ได้มีอะไรมาก การกินก็ไม่มีอะไรยุ่งยากกินง่ายๆ ทำเอง กินเอง หิวก็กิน ไม่หิวก็ไม่ต้องไปกินก็ไม่เห็นจะมีอะไรยุ่งยาก ก็ทำชีวิตให้มันง่ายๆ ที่บ้านมีอะไรบ้าง เราได้เตรียมไว้หมดแล้ว มีของกินในตู้เย็นพร้อม ไม่เดือดร้อน ไม่ต้องไปเสาะแสวงหาอะไรกินมาก แต่ถ้าเพื่อนมาชวนไปก็ไป เราต้องอยู่ให้ได้ในโลกนี้ ปัญหามีอะไรก็ต้องแก้ไขกันไป
l งานละครที่รับเล่นล่าสุด
ซีรี่ส์คลับฟรายเดย์ (Club Friday To Be Continued ตอน มิ้นต์กับมิว) สนุกค่ะ คาแร็กเตอร์ก็เป็นเรานี่แหละ แต่ไปเป็นแม่เต๋า (สมชาย เข็มกลัด)ปากร้าย ทำอะไรรวดเร็ว อะไรต่ออะไรด่าชัดเลย สนุกค่ะมันส์ดี คนเขียนบทเก่ง ผู้กำกับก็เก่ง ส่วนเรื่องล่าสุดที่กำลังจะออนแอร์ “เพลิงพ่าย” ของช่อง 8 แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้ว 7 วัน ต้องจัดคิวตัวเองให้ดีๆ เพราะถ้างั้นเราจะเหนื่อย
l งานนอกวงการบันเทิง
ไม่มีค่ะ ไม่ทำอะไรทั้งสิ้น ไม่ทำแล้ว แต่มีกิจกรรมยามว่างของตัวเองมี ก็เย็บเสื้อ เย็บผ้าใส่เอง ทำเองอยู่ที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นกระโปรง เสื้อผ้า ยังไงก็ได้เพราะเรียนมากับอาจารย์วีรี ภัทรนาวิก เพราะเหมือนเราเรียนเสื้อโอต์กูตูร์ เราเรียนแบบนั้นเลยนะ เย็บใส่เองเพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปซื้อเขา แต่ถ้ามัน 199, 200, 300 บาท นี่ซื้อนะ เพราะไม่ต้องมานั่งเย็บเสียเวลา แต่ที่เราเย็บเองทำเองเนี่ยมันดีอย่างนะ หาซื้อที่ไหนไม่ได้ เราทำเองออกแบบเอง บวกกับเราเรียนเสื้อราตรีมาด้วย เรียนเสื้อชั้นสูงมา เราจำเป็นจะ
ต้องใช้ด้วยก็เลยทำเป็น
l โปรเจกท์ล่าสุด คอนเสิร์ต “เริงลีลาศเพลงลาติน” ครั้งที่ 2
ก็จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม 2558 เวลา 14.00 น. ณ ศาลาเฉลิมกรุง มีนักร้องคุณภาพที่จะมาโชว์พลังเสียงและลีลาในเพลงอมตะสไตล์ลาตินอาทิ ฉันทนา กิติยพันธ์, สันติ ลุนเผ่, สมา สวยสด, ไกรวิทย์ พุ่มสุโข, นภาดา สุขกฤต พร้อมด้วยแชมป์จากเวทีศาลาเฉลิมกรุงมาการันตีคุณภาพ และ 3 พี่น้อง จากเวที“ซิงกิ้ง คิดส์” ภคพร-เกณิกา-ปทิตตา เขียนแม้น ทุกคนจะได้เต็มอิ่มกับงานเพลงฮอตฮิตอมตะสไตล์ลาติน จังหวะสนุกๆ มันส์เร้าใจ ส่งให้ขาแดนซ์เท้าไฟได้อวดลีลาท่าเต้นกันในจังหวะ ชะชะช่า แทงโก้ แซมบ้า กัวราซ่า ไปพร้อมกับแชมป์เยาวชนลีลาศแห่งประเทศไทย จากบุญเลิศลีลาศ ใครยังไม่เคยดู อยากให้มาดู สนุก หาซื้อบัตรได้ที่ศาลาเฉลิมกรุง(โทร.02-2258757-8,02-6238148-9) หรือไม่ก็มีที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ (โทร.02-2623456) เรียกว่าตอนนี้พร้อมมาก (หัวเราะ) แต่ก็ต้องกลับไปท่องเพลงอีกเยอะเหมือนกันเพราะต้องคล่องตัวนิดหน่อย ต้องใช้เวลาในการซ้อม แล้วก็จำ เพราะถ้าเราสะดุดจะเดือดร้อนจะเรียกว่ารื้อใหม่หมดไหมก็ค่อนข้างนะ เป็นเพลงที่เราได้ยินได้ฟังตั้งแต่สมัยเราเป็นเด็กๆ เพราะฉะนั้นโอกาสร้อง หาไม่ได้แล้ว พอได้โอกาสก็ต้องร้องซะหน่อย (ยิ้ม)
l เสน่ห์ของคอนเสิร์ต “เริงลีลาศเพลงลาติน”
ถ้าลาตินอเมริกันจะเป็นความสดของดนตรีเพลงที่เร้าใจ คือไม่ใช่มากระหึ่มแบบดิสโก้ หรือ ร็อก จะมีหลายจังหวะ อย่างเช่น รุมบ้า ก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง กัวราซ่า ก็จะเป็นอีกอย่างหนึ่ง แซมบ้า ก็จะเป็นอีกอย่าง เพราะฉะนั้นมันแตกต่าง คนที่เขาเป็นคนคิดค้นสเต็ปพวกนี้มา เก่งมากนะ ในสมัยก่อนความแตกต่างมีมากมาย แล้วมันสวยงาม คนที่ทั้งร้องและเต้นพวกนักดนตรี เขาจะแต่งตัวดีมาก ไม่ใช่ว่ากางเกงยีนส์ตัวหนึ่ง เสื้อยืดตัวหนึ่ง ขึ้นมาเล่นดนตรี มันไม่ได้และไม่ใช่ด้วย สมัยก่อนต้องแต่งตัวสวยงามหัวจรดเท้า เพราะถือเป็นการให้เกียรติเพลงให้เกียรติคนดู เป็นการให้เกียรติอาชีพตัวเองด้วย เพราะฉะนั้นจะสังเกตเห็นว่าดิฉันจะแต่งตัวเต็มทุกครั้ง ทั้งนี้มันคืออาชีพเรา ต้องให้เกียรติอาชีพเรา จะมาไอ้โน่นไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่ได้ มันไม่ได้นะ เราต้องเต็มที่ทุกอย่าง
l สนุกทุกครั้งที่ได้เต้น
เห็นแบบนี้เต้นไหวนะคะ ไม่เหนื่อย เพราะจริงๆแล้วเราต้องรู้วิธีผ่อน เราไม่ได้เต้นประกวด ถ้าเต้นประกวดนั่นต้องตายกันไปข้างหนึ่ง แต่นี่เราไม่ได้เต้นประกวดคุณลองดูสิในยูทูบผู้หญิงอายุ 80 ยังออกมาเต้นได้แล้วเขาเหวี่ยงด้วยนะ ผู้ชายจับเหวี่ยงด้วย จะเต้นไจฟว์หรือจะเต้นร็อกแอนโรล เขาเหวี่ยงกันระเบิดระเบ้อ แต่เราทำไม่ได้ เพราะตอนนี้ขาไม่ค่อยดี คือ หกล้ม ที่ศาลาเฉลิมกรุงด้านหลังเวทีนี่แหละ เมื่อตอนหลังคอนเสิร์ตคุณเศรษฐา(เศรษฐา ศิระฉายา) รุ่งขึ้นก็มางานที่นี่แล้วล้มข้างหลังเวทีกระดูกร้าว เข้าเฝือกอยู่เป็นเดือน (อาการตอนนี้เป็นไงบ้างคะ) ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว หมายความว่าเราไปเช็คแล้ว เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เราถอดเฝือกกระดูกมันประสานกันแล้ว แต่ลักษณะของการใช้งานเท้ายังชาอยู่ แล้วรองเท้าใส่อยู่ก็ยังเดินไม่มั่นคงเท่ากับสมัยก่อน พอเดินไม่มั่นคงก็เลยกลัว ลูกๆ ก็กลัวไม่อยากให้ล้ม แต่ก็ต้องมาเต้นแบบนี้เราก็ต้องพยายามค่ะ เพราะฉะนั้นเราก็ค่อยๆ เอาค่ะ ตอนนี้ไม่เจ็บหรืออะไรแล้ว แต่แค่เท้าชา อย่างเดียว แต่ไม่เป็นไรค่ะ โอเค ไหว เป็นข้างเดียวข้างซ้าย ซึ่งก็ยังสามารถขับรถได้ ก่อนหน้านี้พอลงรถไปที คนก็หัวเราะเพราะเข้าเฝือก ในชีวิตไม่เคยเป็นอะไรแบบนี้ ต้องใช้ไม้ค้ำ แล้วตอนที่เข้าเฝือกเป็นเดือนนี่ทรมานมากๆ ต้องขับรถเองด้วย แล้วมันก็จะทำให้เราปวดหลังทั้งแถบเพราะเราต้องอยู่อย่างงั้นเป็นเดือนๆ แก่แล้วไม่มีอะไรดีละ (หัวเราะ)
l เพลงยุคเก่าถูกกลืนกิน
เราทำอะไรได้แค่ไหน เราก็พยายามทำเต็มที่ เพราะว่ามันก็จะค่อยๆ หมดรุ่นกันไป อย่างตอนนี้คุณคิดง่ายๆ เลยคุณเปิดในเฟซบุ๊คขึ้นมา จะเห็นว่าคนได้ย้อนกลับมาหาแผ่นเสียงกันเป็นกระต๊าก นั่นคือเสน่ห์อย่างหนึ่ง คุณเปิดพวกอิเล็กทรอนิกส์ บางทีไม่ได้อารมณ์ แต่แผ่นเสียงได้อารมณ์มากกว่าถูกไหม นี่เราเปิดเฟซบุ๊คมาเรายังสงสัยเลยว่าเอ๊ะคนอื่นเขาเริ่มหาแผ่นเสียงกันในขณะที่บ้านเรามีเป็น 600-700 แผ่น เรามีทุกอย่าง เครื่องเล่นเก่าๆ เราก็ไปซ่อมมาใช้ก็ยังคงมีที่สภาพดีๆ อยู่ เพราะนี่คือเสน่ห์ เราได้คุยกับคนที่ชอบ คนที่ชอบเวลาเขาได้ฟังอะไรแบบนี้มากๆ บางทีเหมือนมันดิบมากๆ พอกลับไป อุ๊ยตายทำไม รุ่นนี้มันแบบ…ตายล่ะพอเขาเข้าไปนั่งฟัง และพิจารณาแล้วเขาจะยิ่งเห็นความละเอียดของคนยุคก่อนสมัยก่อน เหมือนเต้นรำ ถ้าคุณดู เฟรด แอสแตร์ (Fred Astaire) หรือ จีน เคลลี (Eugene Curran “Gene” Kelly) เขาเต้นสวยมากๆ คนรุ่นใหม่นี่เต้นสู้ไม่ได้นะ เพราะฉะนั้นคนที่คิดท่าเต้นหรือคิดอะไรออกมานี่เก่งมากๆ เลยนะ แล้วก็มาเป็นเบสิกของปัจจุบันแต่ก็ต้องแตกต่างออกไปเพราะว่าคนเราถ้าอยู่อย่างงั้นตลอดก็ไม่ได้ แต่ก็มีเหมือนกันประเทศลาวเขาก็ยัง รำวง อยู่ผู้หญิงก็ยังนุ่งผ้าถุง ทำไมล่ะ แล้วของเราทำไมมาแต่งตัวกันกะเร่อกะร่า (สมัยโบราณเขาใช้คำแบบนี้ หมายถึงว่า อาการที่แต่งกายรุ่มร่ามเกินพอดี)
l ฝากถึงเยาวชนคนรุ่นใหม่
คุณจะไปสมัยใหม่ยังไงก็แล้วแต่ คุณต้องย้อนกลับไปดูรากเหง้าของคุณบ้าง เพราะถ้าคุณไม่รู้รากเหง้าของคุณ คุณก็ทำอะไรไม่ถูก นี่คือรากเหง้า ของเก่าๆ อย่าทิ้ง ของดีๆ ทั้งนั้น อย่าไปหลงกับอะไรใหม่ ทำได้แต่ย้อนกลับไปเรียนรากเหง้าของคุณด้วย จะได้เป็นความรู้ไว้สอนรุ่นต่อๆ ไป
ของดีบางทีไม่ต้องดิ้นรนแสวงหา ลองมองหรือสนใจสิ่งรอบๆ ข้าง อาจจะเจอสิ่งมีค่าที่ได้มาโดยไม่ต้องลงทุนหรือลงแรง ขอให้โชคดีทุกคนค่ะ
กระแตน้อย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี