“ไคจิ กลโกงมรณะ” ออกสู่สายตาชาวโลกครั้งแรกผ่านการตีพิมพ์ในรูปแบบหนังสือการ์ตูน แต่ไม่มีโอกาสได้อ่าน แม้บ้านเรามีร้านเช่าหนังสือมากมาย แต่การ์ตูนแนวนี้กลับหาเช่าได้ยากมาก โอกาสดีที่การ์ตูนเรื่องนี้ ถูกหยิบมาเล่าอีกครั้งผ่านแผ่นฟิล์ม
พบว่า เรื่องนี้นับเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ทรงคุณค่าสุดๆ ด้วยเนื้อเรื่องที่แดกดันสังคมแบบสาหัส ถ้าอินกับตัวละครมากหน่อย เชื่อว่าน่าจะเข้าขั้นกระอักเลือดไปตามๆ กัน แต่กระนั้น ด้วยความเป็นญี่ปุ่น ก็ยังมีความหวังให้ตัวละคร และมีประตูเป็นทางออกให้กับคนดูเสมอ
ไคจิแดกดันสังคมอย่างไร?
ชายคนหนึ่งที่ชื่อ 'ไคจิ อิโตะ' อยู่ในช่วงที่กำลังตกต่ำ และหมดหวังกับชีวิต เพราะดันไปค้ำประกันเงินกู้นอกระบบให้กับเพื่อน แต่ซวยที่เพื่อนตัวดีดันเชิดเงิน และหนีหายไป ทำให้ตัวเอกต้องโดนตามล่าจากยากูซ่า เมื่อถูกตามตัวเจอ ยากูซ่าไม่ฆ่าเขา แต่กลับยื่นข้อเสนอให้ไปลองเล่นเกมกับพวกเครือข่ายของพวกเขาดู โดยเกมนี้เหมือนการพนัน ที่เดิมพันด้วยชีวิตทั้งชีวิต ผู้ชนะล้างหนี้ได้ แต่ผู้แพ้จะกลายเป็นหนี้แบบโงหัวไม่ขึ้น
‘เกม’ นี้อาจฟังดูเหมือนเรื่องตื่นเต้น น่าลุ้น และระทึกใจ แต่แท้จริงกลับเต็มไปด้วยความน่าเศร้าและหดหู่ เรื่องน่าเศร้าแรกคือ ไม่น่าเชื่อว่ามีคนจำนวนมากในสังคมที่ต้องมีสภาพเช่นเดียวกับตัวเอก ที่น่าเศร้ายิ่งกว่าคือ ในหมู่ผู้สิ้นหวังทั้งหลายนั้น ต้องคอยหาทางโกงกันเพื่อจะเป็นผู้ชนะ ถ้าไม่โกง ก็ถูกโกง สังคมเป็นเช่นนั้น
ไคจิเกือบจะพ่ายแพ้ในเกมและสูญสิ้นอนาคตไป แต่แล้วเขาได้คิดทริคที่จะโกงกลับด้วยการร่วมมือกับลุงผู้ไม่ประสีประสาโลก จนเอาชนะเกมได้ แต่ความซวยยังตามราวีเขา เพราะคุณลุงดันทะเล่อทะล่า ทำผิดกติกาของเกม จนทำให้พวกเขาถูกปรับแพ้ไป โดนส่งตัวไปทำงานในเหมืองแลกกับเงินเพียงน้อยนิด เพื่อมาใช้หนี้สินทั้งหมดที่พวกเขาไม่ได้ก่อ
และสิ่งที่น่าเศร้าที่สุดที่ภาพยนตร์ทิ้งไว้ในใจคนดู คือ มันเป็นเรื่องแต่งที่ตีแผ่ความโหดร้ายของสังคมจริงๆ ได้แจ่มชัดกว่าที่เรามองเห็นได้ด้วยตาตัวเองเสียอีก
ลองมองไปที่เหล่าคนเดินถนน เราจะพบว่าคนนับล้านที่เจ็บปวดเพราะไม่มีโอกาส และน้อยคนนักที่จะได้โอกาสนั้น แต่ว่าสิ่งที่เจ็บปวดยิ่งกว่าคือเมื่อมีโอกาสมาถึงคนเหล่านั้นต้องเผชิญกับการแย่งชิงจากคนแปลกหน้าหรือคนรู้จัก และสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดคือ แม้เราจะพ่ายแพ้จนสูญเสียโอกาสเหล่านั้น แต่กลับมีแต่คนรอสูบผลประโยชน์จากการให้ความหวัง และเอาเปรียบทุกอย่าง ถึงแม้จะไม่มีให้ก็จะบีบเอาจนได้
ไม่ต่างอะไรกับการรีดเลือดจากปู
แต่อย่างที่บอกไว้ตอนต้น ภาพยนตร์ยังมีความหวังและให้ทางออกแก่ตัวละคร
โลกนี้ใช่ว่ามีแต่ด้านมืดเมื่อไหร่กัน ดังเช่น ‘ไคจิ' ตัวเอกของเรื่อง ที่ทั้งเป็นคนไม่เอาถ่าน แถมดวงซวยตลอดชาติ แต่เจ้าตัวกลับมีทักษะพิเศษ ไม่ใช่เพราะสมองอันชาญฉลาด แต่เพราะเจ็บมาเยอะ ถูกหลอกมานับครั้งไม่ถ้วน ทำให้เขาสามารถมองกลโกงที่ซับซ้อนออกได้อย่างชัดเจน และเขาเห็นว่าไม่มีใครควรต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อีก จึงใช้ความสามารถพิเศษเพื่อช่วยเหลือทุกคน
ภาพยนตร์เรื่องนี้ ยังให้ความหวังกับสังคมด้วยว่า อย่างน้อย ก็มีคนเห็นปัญหาความไม่เท่าเทียม และการเอาเปรียบกัน แม้หลายต่อหลายคน จะบอกว่าเราเข้าสู่ยุคสมัยแห่งความเท่าเทียม แต่ว่าด้วยฐานะทางสังคมก็ยังคงเกิดการเอาเปรียบกันอยู่ดี คนรวยเอาเปรียบคนจน คนจนไปปล้นคนรวย ทำให้เราไม่สามารถสลัดการถูกกดขี่จากยุคทาสมาได้อยู่ดี
แต่ต่อให้พูดจนปากเปียกปากแฉะแค่ไหนมนุษย์ก็จะมีรอยรั่วในจิตใจเสมอ ไม่มีใครมาเติมเต็มมันได้ จึงน่าเศร้าที่ต้องทนกับมันต่อ…..
แต่หากยังเห็นว่าโลกนี้ต้องได้รับการเปลี่ยนแปลง ควรเริ่มที่จะเปิดใจมองรอบข้าง อย่าปล่อยให้ความละโมบเข้าตาจนสูญสิ้นความเป็นคนไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี