star retro : ‘น้ำฝน’ สรวงสุดา ลาวัณย์ประเสริฐ ชีวิตดั่งละคร

star retro : ‘น้ำฝน’ สรวงสุดา ลาวัณย์ประเสริฐ ชีวิตดั่งละคร

วันอาทิตย์ ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559, 06.00 น.
Tag :

star retro : ‘น้ำฝน’ สรวงสุดา ลาวัณย์ประเสริฐ ชีวิตดั่งละคร

เรียน ร.ด.เพราะอยากเป็นทหาร แต่ชะตากลับพลิกด้านให้แจ้งเกิดเป็น ‘นางสาวไทย’

เริ่มต้นจากการเป็น “นางงาม” สู่บทบาทของ “นางเอก” หลากหลายบททดสอบที่“น้ำฝน-สรวงสุดา ลาวัณย์ประเสริฐ” ต้องแลกและพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเธอไม่ได้มาเล่นๆ“สตาร์เรโทร” สัปดาห์นี้จึงขอเปิดพื้นที่กะเทาะทุกซอกทุกมุมชีวิตของเธอ

★ ถูกจับตามองกับบทบาทล่าสุดที่แสนแซ่บ


ฟีดแบ๊กละคร “กำไลมาศ” ดีมากค่ะ หลายๆ คนบอกว่ารู้สึกดีที่เห็นเราได้เปลี่ยนบทบาท เขาชอบบทนี้ แล้วก็มีแฟนเด็กด้วย (เป็นบทคุณแม่ที่แรงที่สุดไหม?) แรงกันไปคนละแบบ บางตัวก็แรงในด้านของความต้องการ อย่างเรื่องนี้จะแรงในเรื่องของความรัก หวือหวาเรื่องของคู่ชีวิต ไม่ซ้ำจากที่เคยเล่นมา แต่ตอนแรกที่ได้รับการติดต่อมาฝนกังวลใจอย่างหนึ่งนะว่าเราไม่ได้ชอบเด็ก (หัวเราะ) ไม่เคยมีสเปกนี้ ก็เลยนึกไม่ออก คือคุยกับเด็กต้องคุยยังไง แบบไหน การที่เราจะสื่อสารกับเขา ต้องอ้อนไหม เสียงเล็กเสียงน้อยยังไง แต่พอเวลาเข้าด้วยกันแล้ว เด็กก็แค่อยู่ในความเป็นเด็ก เหมือนเวลาคนเรามีความรักมันก็มุ้งมิ้งอยู่แล้ว เวลาคุยก็ลืมวัย อีกอย่างไม่ได้ถึงขั้นใจซื้อใจ เรารู้อยู่แล้วว่าเขาคือเด็ก การที่จะเอาเด็กอยู่ ก็จะต้องซื้อด้วยเงิน ก็เลยข้ามโจทย์ตรงนี้ไปว่ามันไม่ได้จริง (เล่นกับ ปาล์ม-ศุภชัย คงไม่เขิน ?) เขินนะคะ เพราะว่าฝนเป็นคนที่แพ้ทางเลิฟซีน จุดอ่อนของตัวเองค่ะจะขวยเขินอะไรก็ไม่รู้ แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี

★ งานแสดงยังคงต่อเนื่อง

ตอนนี้มีเรื่อง “ชาติพยัคฆ์” ที่กำลังจะออนแอร์ ส่วนที่ถ่ายทำอยู่ก็มี “นางอาย”, “ราชินีหมอลำ” ฝนเป็นนักแสดงอิสระ แต่ว่าหลักๆ คิวก็จะลงล็อกที่ช่อง 3 จะมีช่องอื่นประปราย ซึ่งก็เป็นละครของพี่ๆ ที่สนิทกันเป็นการส่วนตัวและด้วยคิวที่ลงล็อกพอดีค่ะ

★ ความรู้สึกกับการรับบทคุณแม่

รับบทแม่มาเกือบสิบปีแล้วนะ ฝนไม่รู้สึกอะไรเลยค่ะ อาจจะรู้สึกแค่ว่าเราต้องเล่นบทโตขึ้น เกิดคำถามที่ตัวเราว่าเราไปเล่นบทนั้นแล้วเราเล่นได้แค่ไหน เราเข้าใจในความเป็นวัยนั้นแค่ไหน มันหยิบยืมเทียบเคียงกับความรู้สึกของตัวเองที่รับผิดชอบน้อง ความที่เราเป็นผู้ใหญ่มาตั้งแต่เด็ก เป็นผู้นำของครอบครัว บทแรกที่เล่นเป็นแม่คือเรื่อง “บัวปริ่มน้ำ” เป็นแม่ของ อเล็กซ์ เรนเดลล์ ซึ่งเขาก็ยังเป็นเด็กอยู่ เหมือนน้องฝนเลี้ยงน้องสาวมาตั้งแต่เด็ก เหมือนเลี้ยงลูก เลยใช้ความรู้สึกมาเทียบเคียงในเวลารับบทแม่ฝนทำทุกอย่างเหมือนเป็นแม่ของน้องสาวหลายคนมักสงสัยว่าทำไมฝนเล่นแม่ได้อินขนาดนี้มีลูกแล้วเหรอ ซึ่งจริงๆ คือฝนเลี้ยงน้องสาวเหมือนลูก ฟิลของคนเป็นแม่เรามีระดับหนึ่งที่จะค่อยๆ เติม และเราก็ค่อยๆ ได้เจอบทแม่ที่เข้มขึ้นขึ้น “บัวปริ่มน้ำ” เหมือนจะง่ายแต่ก็ไม่ง่าย เป็นเรื่องแรกที่ตัดสินใจรับบทแม่ ก่อนหน้านี้มีคนติดต่อมาเยอะมาก คือเป็นแม่ที่มีลูก 2 คน แต่สามีเจ้าชู้ความเป็นแม่ที่ต้องประคับประคองความเป็นครอบครัวไปให้ได้ เป็นอีกบทที่ท้าทายค่ะใครจะมองว่าบทแม่เล่นง่ายไม่ง่ายนะ คือหนึ่งเราจะถูกค้านโดยสายตาคนว่าเรายังไม่ใช่แม่ แต่ทำยังไงล่ะนั่นคือโจทย์ของฝนที่คนอื่นไม่เชื่อ แต่เราต้องมีความเชื่อ

★ เข้มข้นหลากหลาย ท้าทายความสามารถ

หลังๆ บทแม่ก็เครียดขึ้นค่ะ เพราะว่าแต่ละบทเขาจะเป็นแม่ที่มองโลกในทิศทางของตัวเอง ไม่มีใครถูก-ผิด อย่างแม่ในเรื่อง“ขอเป็นเจ้าสาวสักครั้งให้ชื่นใจ” เล่นเป็นแม่ของอาเล็ก-ธีรเดช ซึ่งเป็นบทแม่ที่มีความเข้มข้นมากๆ รักลูกแต่อาจจะแสดงออกผิดบ้างถูกบ้าง เพราะความไม่เข้าใจกันระหว่างแม่และลูก คิดว่าต่างฝ่ายต่างไม่ได้รักกัน เลยนำมาซึ่งความสูญเสีย ในเรื่อง “สามี” ก็เล่นเป็นแม่ของ อเล็กซ์เรนเดลล์ อีกครั้ง ลูกชายเป็นไบโพลาร์ แต่แม่ก็ไม่รู้ แม่ลูกคู่นี้เป็นบ้านที่ 2 ของครอบครัวเจ้าสัว แม่ก็ต้องการให้ลูกได้รับทุกอย่างที่ดีที่สุด จึงทำทุกอย่างภายใต้การรักลูกและรักตัวเอง ส่วนในเรื่อง “เพลิงทระนง” ที่เล่นเป็นแม่ของมาริโอ้ก็เป็นความรักที่ต่างชนชั้น เมื่อสามีตายและลูกชายต้องการมาอยู่ใกล้ๆ ดูแลคุณย่า เราก็ต้องตามเข้ามาอยู่เพื่อดูแลคุณย่า และดูแลลูกชายไปพร้อมๆ กัน ท่ามกลางบททดสอบสุดหิน (เล่นเป็นแม่ใครบ่อยที่สุด ?) ก็เวียนๆ กันไปค่ะ จำไม่ได้แล้ว แต่ว่าลูกที่โตที่สุดคือพี่หนุ่ม-ศรราม (หัวเราะ) จากเรื่อง “ศิราพัชร ดวงใจนักรบ” ตอนแรกที่ติดต่อมาไม่ใช่พี่หนุ่มเล่น เราก็ถามแล้วว่าจะเปลี่ยนตัวก็ได้ เราไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทุกวันนี้ก็ยังแซวกันอยู่เลยว่าเป็นแม่พี่หนุ่ม ส่วนตัวพี่หนุ่มเองเขาก็ขำเหมือนกัน ออกมานอกฉากเรียกกันไม่ถูกเลย แย่งกันไหว้ กลายเป็นเรื่องที่ฮาซึ่งฝนเองก็ไม่ได้ซีเรียส

★ ย้อนวันวานในวัยเด็ก

ฝนเป็นเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่งที่ชีวิตเรียบง่ายมาก อยู่กับแม่เพราะว่าคุณพ่อไปทำงานซาอุ เราก็เหมือนพี่คนโต เป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องไปเป็นอะไร ยังไม่มีเป้าหมาย เป็นเด็กเงียบๆ อยู่ติดบ้านไม่เคยไปเที่ยวหรือไปค้างบ้านคนอื่น ถ้าได้วิ่งเล่นวิ่งซนก็คือจะเล่นกับน้องชาย ถ้าได้ไปเที่ยวก็จะตามลูกพี่ลูกน้องไป ไม่ได้เฮฮามีกิจกรรมเป็นหัวโจก อยากทำกิจกรรมที่โรงเรียนนะคะ แต่ก็ไม่กล้า ลุ้นด้วยสายตาให้ครูเลือกเรามากกว่า เป็นเด็กผู้หญิงก็อยากแต่งตัวสวยบ้าง

★ ชีวิตดั่งละคร

จริงๆ นะคะ แค่จะมากรุงเทพฯยังยากเลย จะมาทำอะไรในวงการยิ่งเป็นไปไม่ได้ และเราก็ไม่มีใครเลยในกรุงเทพฯ ที่พอจะรู้จัก มีแต่น้าที่อยู่ชาญเมืองเข้ากรุงเทพฯ ทีก็นั่งรถเมล์อ้วกแตกอ้วกแตน ก็เลยบอกกับแม่ว่าฝนจะไม่เข้ามากรุงเทพฯ ไม่ไหวแล้วเวียนหัว แล้วเวลาเรามาจากนครนายก เราก็มารถตู้ จะเห็นภาพจำของความวุ่นวาย ฝนเริ่มจากการประกวดเวทีเล็กๆ ที่เขาให้ลูกสาวแต่ละบ้านไปขายกระทง แล้วก็มีประกวดธิดาโดม สระบุรี พอดีอาเป็นอัยการอยู่ที่นั่นก็เลยให้เราไปประกวด โดยที่คนที่มาเขาตัวแม่กันทั้งนั้น เราไม่มีอะไรเลย ญาติๆ มาเชียร์ก็เหมือนมาเชียร์กีฬาสี (ยิ้ม) แต่ว่าด้วยจังหวะมั้ง และกรรมการท่านหนึ่ง คุณจำเนียรทองศรี ปัจจุบันท่านเปลี่ยนชื่อเป็นธนพร คือพอเราได้ที่ 1 ท่านเกิดถูกชะตาและนึกขึ้นได้ว่ารู้จักกับ คุณชัยวัฒน์ ดำรงกิจกุลชัย ที่เป็นสปอนเซอร์ให้กับ ลุงสมชาย นิลวรรณ ก็ต่อๆ กันมาก็เลยกลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตเลยค่ะ คุยกับแม่ว่าจะไปไม่ไปดี แต่แม่ก็รู้จักว่าลุงสมชายเป็นใคร ก็เลยยอมให้มา คือถ้าไม่ได้มาตรงนี้ก็คงจะเป็นนักเรียน ร.ด. เป็นทหารไปแล้ว ฝนเรียน ร.ด ด้วย เพราะรู้สึกว่าถ้าเราทำอะไรที่เป็นสายราชการ พ่อแม่จะเบิกได้ นั่นคือฟิลของเราตอนที่เป็นเด็กต่างจังหวัด พอมาอยู่กับลุงสมชาย ก็ประกวดอีกหลายเวที กว่าจะได้มาประกวดนางสาวไทย ส่วนใหญ่เป็นเวทีระดับจังหวัด เวทีเล็กเวทีน้อยลุงไม่ให้ไป แล้วก็จะได้ตำแหน่งกลับมาตลอด แต่ก็ยังงงตัวเองนะ ไม่เคยคิดเลยว่าจะมาสายนางงาม ไม่มีความเป็นนางงามอยู่ในหัว แม่ซื้อเครื่องสำอางมาให้ยังแต่งหน้าไม่เป็นเลย มันรู้สึกว่าไม่ใช่ แล้วเราก็ไม่เคยคิดว่าเราจะต้องได้ที่หนึ่ง ลุงไม่เคยสอนไม่เคยบอกว่าเธอมาอยู่กับฉันแล้วเธอจะได้ตำแหน่งนางสาวไทย ลุงสอนว่าให้ทำให้เต็มที่ตั้งแต่ก้าวแรกที่ออกจากบ้าน หรือลงจากรถ จะต้องสมาร์ทมีบุคลิก มีวินัย เธอต้องออกกำลังกาย แล้วเด็กก็คือเด็ก บางอย่างไม่ต้องไปทำให้มันสาวเกินวัย

★ สู่บทบาทการเป็นนางเอกละครโทรทัศน์

พอได้รับตำแหน่งนางสาวไทยก็ได้เล่นเป็นนางเอกทางช่อง 7 เรื่อง “อำนาจ” แต่ยอมรับว่าไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควรค่ะอาจจะด้วยว่าเราทำหลายอย่างพร้อมกัน เรียนหนังสือ เป็นนางสาวไทย ถ่ายละคร เราไม่มีพื้นฐานเลย ได้ตำแหน่งตอนอายุ 19 เรียนมหา’ลัยกำลังจะขึ้นปี 2 แต่เราก็ไม่ดร็อปเรื่องเรียน ก็ดันทุรังเรียนไปด้วยถ่ายละครไปด้วย แต่มันเป็นเรื่องแรกที่ต้องทั้งขี่ม้า เลิฟซีนก็ไม่ได้ฉากร้องไห้เราก็ยังต้องไปนั่งฟังเพลงเศร้าเลย ฟังเพลงบิวท์ตัวเองว่าต้องเศร้าๆ เข้าใจว่าฉากนี้เราร้องไห้ เราก็ต้องร้องไห้ โดยที่ไม่รู้ว่าเทคนิคการแสดงจริงๆ เป็นยังไง พูดบทไปก็เหมือนอ่านหนังสือสอบ ย้อนนึกถึงตัวเองแล้วก็รู้สึกว่าเราทำให้หลายๆ คนเขาเสียเวลามาก เราเลยเข้าใจเด็กรุ่นใหม่ค่ะ (นึกท้อบ้างไหม?) มันผสมๆ กัน งงๆ กับชีวิตอยู่ เพราะว่าทำหลายอย่าง และเราก็ยังเด็ก เราก็ว่าเราเต็มที่นะ ที่เขาว่าทำไมนางเอกเล่นแข็งทื่ออย่างนี้ ทำไมถึงเล่นไม่ได้เลย ทั้งที่เป็นนางสาวไทย แล้วเรตติ้งก็ไม่ได้ดีมาก ตรงนั้นคือความรู้สึกแย่ที่เราได้พบเจอ ก็เสียใจทั้งที่เราเต็มที่แล้ว แต่มันเป็นการเต็มที่ที่ไม่ถูกจุดไงคะ เพราะว่าเราไม่รู้ แต่มันก็ไม่ผิด แต่เสียใจที่มันออกมาแบบนั้น และเราก็ต้องยอมรับว่าถ้าเราไม่ได้ไปต่อทางนั้นก็ไม่เป็นไร ก็ต้องเรียนไป แต่ปีถัดมาก็ได้เล่นเรื่องที่ 2 ของหม่อมน้อย เรื่อง “เริงมายา” โชคดีที่เจอหม่อมน้อยเลยทำให้เราเข้าใจฐานการแสดงมากขึ้น รู้ว่าการแสดงคืออะไร รู้จักฟังมากขึ้น

★ มาสายดราม่า

มักจะเป็นแนวชีวิต ดราม่าค่ะ ซึ่งละครแต่ละเรื่องที่เล่นฝนก็ประทับใจแตกต่างกันไปนะคะ ที่ประทับใจที่สุดไม่มีค่ะ แต่ถ้าถามว่ารักตัวละครไหน อันนี้มีค่ะ อย่างเรื่อง “ตะวันฉายในม่านเมฆ” ฝนยังเขียนในไอจีเลยค่ะ คือเป็นตัวละครที่เรารู้สึกอิจฉาชีวิตเขามาก เป็นผู้หญิงที่มีความสุขในชีวิต ครอบครัวน่ารัก หรือแม้กระทั่งตัวละครในเรื่อง “เพลิงทระนง” เป็นตัวละครที่ยิ่งเล่นยิ่งรัก ในเรื่อง “สามี” พี่นก-จริยา ก็กล้าที่จะให้เราเล่น มีหลายๆ ตัวที่เล่นแล้วอยู่ในใจเรา แม้ว่าเขาจะมีความคิดบางมุมที่เราเล่นไปแล้วไม่ได้รู้ว่าเราจะคิดไปยังไง แต่เราไปตามตัวละคร มันมีบางมุมที่พอเราไปเป็นตัวเขาแล้ว เราเผลอเจ็บปวดไปกับเขาด้วย ฝนมองว่าบทแต่ละบทมันมีความยากในตัวของมัน เราจะขยี้ยังไง คือยิ่งเรารู้จักและแทบจะหายใจเป็นคนเดียวกัน เวลาที่ฟังคำพูดคนหนึ่งพูดมาแล้วกระทบแล้วเจ็บ ฝนอยากได้ความรู้สึกแบบนี้อยู่กับฝนทุกๆ เรื่อง เพราะความรู้สึกนี้มันสำคัญมาก กับการเป็นนักแสดง เมื่อไหร่ก็ตามที่เราทำงานแล้วเรารู้สึกว่าเราเหมือนไม่ได้เล่นละครอยู่ นั่นคือสิ่งที่ฝนแฮปปี้มาก

★ ลบคำสบประมาท

พยายามบอกตัวเองว่าเรามาจากสายนางงามนะ เราไม่มีพื้นฐานทางการแสดงเลย นั่นคือจุดเริ่มต้นนะที่จะทำให้คนรู้ว่านางงามคนนี้เล่นละครได้ นั่นคือจุดแรก แล้วจะทำยังไงที่เล่นละครแล้วให้คนเชื่อว่าเราเล่นละครได้ เป็นนักแสดงคนหนึ่งได้ แต่ตอนนี้สิ่งที่บอกตัวเองก็คือทำยังไงก็ได้ให้เรารู้สึกว่าเราเป็นคนคนเดียวกับตัวละคร เรารู้สึกร่วมไปกับตัวละคร เจ็บปวดในใจไปกับเขานี่คือสิ่งที่เราควรจะมีในสายอาชีพของเราค่ะถ้าเราไม่ศรัทธาไม่เคารพในบทตัวละครนั้นๆ มันก็ยากแล้วล่ะที่คุณจะไปเป็นเขาได้ สำหรับฝนนะ

★ ความฝันในวัยเยาว์

ไม่มีเลยค่ะแค่คิดว่าอยากรับราชการ อยากประกอบอาชีพที่เป็นข้าราชการ อาจจะเป็นทหารมั้งคะ เพราะว่าตอนเด็กขโมยขึ้นบ้าน แล้วทหารเป็นอาชีพหนึ่งที่จะทำให้ทุกคนเห็นว่าเราเป็นผู้หญิงแข็งแรง สามารถปกป้องคนในครอบครัว เพราะว่าพ่อไม่อยู่ แล้วมีคนมาทำร้ายแม่เรามันฝังใจ เป็นภาพติดตาฝนมาตลอด คือเขาเอาปืนตีหัวแม่ แล้วแม่ให้เราเข้าไปอยู่ในห้องนอน เราก็มองผ่านหน้าต่างบานเกล็ดกับน้องชายยืนกอดกันอยู่ เราก็เห็นผู้ชายล็อกคอแม่แล้วเขาก็ตีเป็นภาพที่เรารู้สึกว่าเพราะเราเป็นผู้หญิงใช่ไหม เห็นว่าเราอยู่กันแค่แม่ลูกเลยรังแกเรา ก็เลยบอกกับตัวเองว่าอะไรก็แล้วแต่ ถ้าฉันจะเข้มแข็งแล้วปกป้องคนในครอบครัวได้ ฉันจะทำ นั่นคือสิ่งลึกๆในตัวเอง เลยทำให้ไปสมัครเรียน ร.ด. ถ้าไม่ได้มาทางนี้คงจะไปสายทหารไปแล้ว กะว่าจะเรียนให้ครบ 5 ปี แต่ว่าเรียนได้ปีเดียวเองก็มาเป็นนางงามซะก่อน

★ แง้มหัวใจสีชมพู

ราบเรียบดีค่ะ (หัวเราะ) ยังไม่มีข่าวดี และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่นะ ของพวกนี้พูดกันลำบาก เราให้พื้นที่ซึ่งกันและกัน คบกันแบบโตแล้ว พี่เขาก็โตกว่าเราด้วย ฝนไม่ชินกับการออกสื่อเรื่องความรัก แต่เราก็ใช้ชีวิตปกตินะ เพียงแต่เราไม่ชินกับการที่จะบอกไปไหนมาไหนด้วยกัน พ่อแม่ไปมาหาสู่กันผู้ใหญ่รับรู้ และเพื่อนๆ ก็รับรู้ ฝนก็ตอบไม่ถูกว่าทำไมถึงยังไม่แต่ง หรือว่าเราเป็นเจ้าสาวกลัวฝน ชีวิตมันก็เริ่มต้นจากการที่เราไม่ได้คาดหวังอะไรเลยมาตั้งแต่แรก พอไม่ได้คาดหวังแล้วมันอาจจะดีก็ได้ คบกันมาสิบกว่าปีแล้วค่ะ เราก็ยังไม่ได้อยู่ด้วยกันนะ ไปมาหาสู่กัน ถ้าพูดถึงในความของคนที่แต่งงานมันก็ต้องนับหนึ่ง แต่ความที่เป็นแฟนแล้วคบกันมันก็นาน ยังนึกภาพของตัวเองไม่ออกว่าถ้าเราต้องอยู่ด้วยกันแล้วจะเป็นยังไง ตอนนั้นฝนมีเป้าหมายที่ว่าเราโฟกัสที่ครอบครัว ห่วงน้องต้องให้น้องเรียนจบมหาวิทยาลัย ฝนขอจัดทุกอย่างในบ้านให้ลงตัวก่อน ถ้าวันนึงฝนแต่งงานไป ฝนอาจจะดูแลพ่อแม่กับน้องได้ไม่เต็มที่ อย่างน้อยตอนนี้เราได้ทำเต็มที่มันเป็นเรื่องของการเคลียร์ใจของตัวเองด้วย บางคนอาจจะมองว่าทำไมแต่งงานไปแล้วก็ยังดูแลแม่ได้ ในความเป็นจริงมันไม่ใช่ ฝนพยายามจะทำหน้าที่ของลูกอะไรที่แต่ก่อนตอนเด็กๆ เราไม่เคยได้เราไม่เคยมีก็พยายามเติมให้แม่ พาท่านไปทานข้าวไปเที่ยวไหว้พระบ้าง แต่ส่วนมากคุณพ่อจะอยู่ที่นครนายกค่ะ (คุณพ่อคุณแม่รบเร้าให้แต่งงานไหม?) แม่เลิกถามแล้วค่ะ จริงๆ คือแม่ก็แล้วแต่ฝน เพราะเขาก็รู้ว่าเราเป็นคนที่เหมือนเป็นหัวหน้าครอบครัว

★ ผู้จัดการส่วนตัว ที่เป็นมากกว่าผู้จัดการกับศิลปิน

รู้จักกันมานานพอๆ กับแฟนเลยค่ะ(คุณวรรณแอบแซวว่าหุ่นเดียวกันด้วย) รู้จักกันจากการไปงานค่ะ แล้ววรรณเขาก็ดูแลอีกคนหนึ่งอยู่จังหวะนั้นเราก็คุยกันถูกคอ ก็เลยให้วรรณมาดูคิวให้ กลายเป็นจุดเริ่มต้น วรรณรู้ใจฝนเกือบทุกอย่างเก็บรายละเอียดหมด แต่ฝนเป็นคนลืมๆ โก๊ะๆ วรรณเขาก็จะคอยเตือน เขาทำมากกว่าการเป็นผู้จัดการดูแล เขาเป็นมากกว่านั้น เขาเข้าใจความรู้สึก อย่างเช่นวันนี้มีฉากที่เราจะต้องซีเรียส วรรณเขาก็จะรู้แล้วจะไม่พูดเรื่องที่ทำให้เราต้องกังวล เราสามารถปรึกษาในส่วนของการแสดงได้ เพราะว่าวรรณเรียนการแสดงมา บทไหนฉากไหนที่เราเล่นไม่ดียังไม่ถึงเพื่อนก็จะบอก วรรณจะพูดในสิ่งที่ตรงและจริงไม่เข้าข้างเพื่อน เพราะฝนไม่ต้องการคำอวย เราต้องการให้เขาพูดให้เราเห็นภาพในการทำงาน อ่านบทตีความไปด้วยกัน เพราะว่าบางทีเราไม่ได้เข้าใจลึกซึ้งทางด้านการแสดง ทักษะทางการแสดงเราไม่รู้หรอกเพราะเราไม่ได้เรียนมา วรรณจะบอกว่าอย่าเล่นอะไรที่มันเป็นโอเวอร์แอ๊กจะดึงกลับมาให้จริงให้มากที่สุด รวมทั้งเรื่องชีวิตส่วนตัวเพื่อนก็จะรู้ว่าเราเป็นคนแบบไหนนิสัยยังไง

★ บุคคลที่ไม่เคยลืม

ถ้าจะให้ขอบคุณจริงๆ คนแรกเลยก็คือคุณจำเนียร ทองศรี ที่มองเห็นว่าเด็กต่างจังหวัดคนนึง (น้ำตาคลอเสียงสั่นเครือ) คือเราไม่คิดนะ แต่คุณจำเนียรก็น่ารักจริงๆ ทุกวันนี้ก็ยังไป-มาหาสู่ท่านอยู่ ฝนไม่เคยลืมเลยค่ะ จากเด็กกะโปโลทำไมท่านถึงมองเห็น ขับรถมารับที่บ้านพาไปหาลุงสมชาย คือหวังดีกับเรามากโดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนเลย ท่านที่สองคือลุงสมชาย นิลวรรณท่านรู้ว่าเราเป็นเด็กที่ขาดอะไร และควรจะให้อะไร เตือนอะไร เป็นคุณลุงที่ไม่ได้เติมฝันให้เด็กซะจนเกินไป ลุงพูดตรงๆ และสอน หาข้อบกพร่องที่เราจะต้องพัฒนา ท่านเป็นเหมือนพ่อคนหนึ่งที่สอนวินัยหลายๆ อย่างที่ได้มาก็มาจากลุง รวมไปถึงคุณชัยวัฒน์ ดำรงกิจกุลชัย ซึ่งก็เป็นอีกท่านหนึ่งที่ให้โอกาส

★ แง่คิดดีๆ

เราควรจะมองทุกอย่างให้มันจริงที่สุด ฝันได้แต่ก็ต้องทำให้ได้ คือถ้าเราฝันว่าเราอยากจะมีอะไรในช่วงวัยของเรา เราก็ควรจะทำอย่างจริงจัง ซึ่งก็คือเรื่องของหน้าที่นั่นแหละ มีหน้าที่เรียนก็เรียน ทำหน้าที่ของลูกที่ดี ฝนมองว่าเราเหนื่อยมาจากไหนก็ตาม บ้านคือที่ที่ให้กำลังใจเราดีที่สุด คนสายเลือดเดียวกันเขาไม่ทิ้งกันหรอก เวลาที่เราขาดเหลืออะไรพี่น้องก็จะช่วยเหลือกัน เราต้องจูงกันไปประคับประคองกันไป แล้วสิ่งดีๆ ก็จะตามมาค่ะ

และนี่ก็คือ “น้ำฝน-สรวงสุดาลาวัณย์ประเสริฐ” อดีตนางงามที่ไม่ได้สวยเพียงแค่ภายนอก แต่มุมมองชีวิตทัศนคติและฝีมือการแสดงของเธอก็สวยงามไม่แพ้กัน

กุหลาบสีเงิน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top